2023 Mercedes-Benz GLC เอสยูวีตัวหรูขนาดกะทัดรัดรุ่นใหม่จะเข้ามาทำตลาดในยุโรปและออสเตรเลีย ระบบขับเคลื่อนได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วยปลั๊กอินไฮบริด และตัวเลือกขุมพลังที่หลากหลาย
- GLC 200 4Matic (Mild-Hybrid) เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบเรียง 16 วาล์ว ทำกำลังสูงสุด 201 แรงม้า และแรงบิด 320 นิวตันเมตร บวกกับทอร์คบูส
- GLC 220 d 4MATIC (Mild-Hybrid) เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบเรียง 16 วาล์ว ให้กำลัง 194 แรงม้า และแรงบิด 440 นิวตันเมตร บวกกับทอร์คบูส
- GLC 300 (Mild-Hybrid) เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบเรียง 16 วาล์ว เค้นกำลังสูงสุด 255 แรงม้า และแรงบิด 400 นิวตันเมตร บวกกับทอร์คบูส
ส่วนระบบส่งกำลังแบบปลั๊กอินไฮบริดทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ที่ใช้เทคโนโลยี PHEV เจเนอเรชันที่สี่ของ Mercedes-Benz มีขนาดกะทัดรัดและทรงพลังมากกว่าที่เคย สามารถทำเร็วสูงสุดด้วยระบบไฟฟ้าเพียวๆ ที่ 140 กม./ชม. พ่วงด้วยแบตเตอรีขนาด 31.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง และวิ่งได้ไกลถึง 100 กม. และยังสร้างกำลังได้สูงสุด 134 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร
- GLC 300 e 4MATIC (PHEV) สามารถผลิตกำลังสูงสุด 308 แรงม้า ทำแรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร
- GLC 400 e 4MATIC (PHEV) มีกำลังสูงสุด 375 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร
- GLC 300 de 4MATIC (PHEV) ให้พลังสูงสุด 328 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร
ตามการทดสอบ WLTP ของยุโรป 2023 Mercedes-Benz GLC โดยเฉพาะตัวเลือก Plug-in Hybrid นั้นจัดว่าประหยัดน้ำมันมากเมื่อเทียบกับ GLC 200 และ 300 การขับขี่ในเมืองทำตัวเลขได้เพียง 12.19 กม./ลิตร ส่วนขับขี่ทางไกลทำได้ 13.69 กม./ลิตร ในขณะที่รุ่น GLC 220 d ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย ขับขี่ในเมืองทำตัวเลขได้ 16.94 กม./ลิตร ส่วนขับขี่ทางไกลอยู่ที่ 19.23 กม./ลิตร
โมเดลปลั๊กอินไฮบริด GLC 300 e และ 400 e ถือว่าทำตัวเลขได้ดีมากๆ สำหรับการขับขี่ในเมืองอยู่ที่ 125 กม./ลิตร และนอกเมืองอยู่ที่ 166 กม./ลิตร ในขณะที่ขุมพลังดีเซล GLC 300 de สามารถทำตัวเลขการขับขี่ในเมืองที่ 142 กม./ลิตร และใช้งานนอกเมืองอยุ่ที่ 200 กม./ลิตร ต้องขอบคุณแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ช่วยให้เจ้า 2023 Mercedes-Benz GLC เดินทางได้โดยไม่ต้องซดเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นลิตรๆ อีกต่อไป
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.