15 ปีที่รอคอย Jeep Gladiator มาแล้ว

2020 Jeep® Gladiator Rubicon

15 ปีแห่งการรอคอย เพราะนับจากการเปิดตัวต้นแบบที่ใช้ชื่อว่า Gladiator Concept เมื่อปี 2005 ข่าวคราวความเคลื่อนไหวในการกลับมาของ Jeep Pick Up ก็เงียบหายไปเลย จนกระทั่งปลายปี 2018 ฝันที่เฝ้ารอของบรรดาคนรัก Jeep ก็กลายเป็นจริง เมื่อแบรนด์ดังของสหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นสายการผลิต และยังจะใช้ชื่อเดิมคือ Gladiator โดยจะเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าได้ในกลางปี 2019

Gladiator ใหม่ ถือเป็นการสานต่อความสำเร็จในตลาดรถกระบะของแบรนด์ Jeep ที่มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1947 และเพิ่งจะขาดหายไปเมื่อสิ้นสุดในปี 1992 หลังจากที่พวกเขาทิ้งทวนในตลาดด้วยรุ่น Jeep Commache โดยในรุ่นนี้จะนำเสนอจุดลงตัวในทุกด้านของการขับเคล่อน ทั้งภาพลักษณ์ที่สมบุกสมบันตามสไตล์ Jeep ความสะดวกสบายและความอเนกประสงค์ของการออกแบบตัวรถที่สามารถปรับเปลี่ยนและดัดแปลงได้อย่างหลากหลาย รวมถึงความปลอดภัยที่มีการติดตั้งอย่างครบถ้วนตามแบบฉบับรถยนต์สมัยใหม่

อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีการเปิดตัวคันจริงให้เห็นแล้ว แต่ใครที่อยากขับต้องรอกันนานสักระยะหนึ่งเลยทีเดียว เพราะว่าจะจำหน่ายอย่างเป็นทางการและส่งมอบได้ก็ต้องรอจนถึงกลางปีนี้ นี่หมายถึงเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ของโลกต้องรอต่อไปอีก แต่นั่นหมายความว่าถ้า Jeep มีแผนการที่จะส่งออกไปขาย

2020 Jeep® Gladiator Rubicon
2020 Jeep® Gladiator Rubicon
2020 Jeep® Gladiator Rubicon
2020 Jeep® Gladiator Rubicon

Gladiator ใหม่ ได้รับการพัฒนาบนพื้นตัวถังเดียวกับ Wrangler Unlimited รุ่นปัจจุบัน ซึ่งเป็นแบบ Body on Frame โดยมีการยืดระยะฐานล้อออกไปอีกเพื่อรองรับกับพื้นส่วนท้ายซึ่งสามารถบรรทุกสัมภาระได้อย่างเต็มที่ โดยจุดเด่นในแง่ของเอกลักษณ์นั้นมากันแบบครบครัน โดยเฉพาะกระจังหน้าแบบ 7-Slot Grille ที่เป็นแนวซี่ตั้ง 7 แถว ซึ่งไม่เพียงออกแบบมาเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังมีประสิทธิภาพในการรับลมเพื่อนำมาใช้ในการระบายความร้อนในห้องเครื่องยนต์ได้อีกด้วย

ขณะที่อีกจุดเด่นคือ การออกแบบให้จุดหลักๆ ของตัวถังสามารถพับหรือถอดออกได้ เช่น กระจกบังลมหน้า สามารถพับลงทั้งบานเหมือนกับรถ Jeep รุ่นเก่าๆ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน รวมถึงประตูทั้ง 4 บานและหลังคาที่มีการออกแบบให้เป็นแบบ 3 ชิ้น ก็สามารถถออดออกได้ เช่นเดียวกับกระจกบานหลังของห้องโดยสาร ซึ่งเมื่อพับเบาะหลังลงด้วยแล้วจะสามารถทำให้เชื่อมต่อกับพื้นที่ของกระบะท้าย ทำให้สามารถบรรทุกสัมภาระขนาดยาวเป็นพิเศษได้

สำหรับรุ่นที่วางขายในตลาดนั้นจะมีทั้งหมด 3 แบบย่อยคือ Sport, Overland และ Rubicon ซึ่งหน้าตาไม่แตกต่าง แต่ในส่วนของอุปกรณ์มาตรฐาน และการปรับแต่งระบบช่วงล่าง และชุดขับเคลื่อน 4 ล้อให้แตกต่างออกไป เพื่อเป้าหมายในการใช้งานที่แตกต่าง

2020 Jeep® Gladiator – interior
2020 Jeep® Gladiator – interior
2020 Jeep® Gladiator – interior
2020 Jeep® Gladiator – interior

แม้ว่ารูปแบบของตัวรถจะเกิดมาเพื่อการใช้งานที่เน้นความสมบุกสมบัน แต่ทว่าภายในห้องโดยสารเป็นจุดที่ Jeep ให้ความสนใจและใส่ใจอย่างมาก และแน่นอนว่าทันสมัยและเต็มไปด้วยระบบอำนวยความสะดวกสมัยใหม่มากมาย

เมื่อเปิดประตูเข้ามาคุณจะได้พบกับแผงหน้าปัดทรงคลาสสิกแบบตั้งสูงและมาพร้อมกับช่องปรับอากาศแบบกลมเหมือนกับที่คุ้นเคยใน SUV ของ Jeep รุ่นเก่าๆ บนแผงคอนโซลกลางจะเป็นหน้าจอดิจิทัล TFT แบบ LED ขนาด 7 นิ้ว สำหรับแสดงข้อมูลและควบคุมการทำงานของระบบต่างในห้องโดยสาร ขณะที่ยังคงความคลาสสิกของชุดควบคุมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทั้ง 4H และ 4L ด้วยการใช้คันเกียร์เหมือนกับที่ผ่านมา แทนที่จะเป็นแบบปุ่มหมุนเหมือนกับ SUV รุ่นใหม่ๆ

อีกจุดเด่นหนึ่งของห้องโดยสารคือ เบาะนั่งหลังที่มีตำแหน่งการจัดวางเบาะนั่งในระดับที่สูงขึ้นจากเบาะหน้าเล็กน้อยหรือแบบ Stadium ทำให้ผู้ที่นั่งด้านหลังสามารถมีประสบการณ์ร่วมในการขับรถ และสามารถมองเห็นเส้นทางด้านหน้าได้อย่างชัดเจน

นอกจากนั้นตัวพนักพิงของเบาะนั่งหลังยังสามารถแยกพับเก็บในอัตราส่วน 60-40% หรือจะพับลงทั้งหมดก็ได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสาร

2020 Jeep® Gladiator Rubicon

เครื่องยนต์ที่จำหน่ายในตลาดสหรัฐอเมริกาจะมีด้วยกัน 2 รุ่น คือ เบนซิน ในรหัส Pentastar แบบวี6 3,600 ซี.ซี. มีกำลัง 285 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 35.9 กก.-ม. โดยขุมพลังบล็อกนี้ถูกผลิตออกขายมาตั้งแต่ปี 2010 และในปัจจุบันวางอยู่ในรถยนต์หลายรุ่นในเครือ Fiat-Chrysler โดยมียอดการผลิตรวมแล้วมากกว่า 8.6 ล้านบล็อกเลยทีเดียว อีกรุ่นคือเทอร์โบดีเซลที่ใช้พื้นฐานของเครื่องยนต์วี6 3,000 ซี.ซี. ในรหัส EcoDiesel 260 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 60.9 กก.-ม.

ทุกรุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ หรือธรรมดา 6 จังหวะ สู่การขับเคลื่อนล้อหลัง และมีระบบ 4WD แบบ Part-Time ให้เลือกใช้งาน ซึ่งในแต่ละรุ่นย่อยจะมีการปรับเซ็ตตัวชุดเฟืองส่งกำลัง Transfer Case สู่ล้อขับเคลื่อนทั้ง 4 และเฟืองท้าย

 

2020 Jeep® Gladiator Rubicon

Gladiator แกร่งทั่วร่าง

แม้ภายนอกดูแล้วก็เหมือนกับการนำรุ่น Wrangler มาต่อท้ายเพื่อเปลี่ยนจากการเป็น SUV ตัวลุยมาสู่เวอร์ชันปิกอัพเพื่อเน้นการบรรทุก แต่ต้องยอมรับว่าสิ่งที่มีอยู่ใน Galdiator มีมากกว่านั้น

-ชี้ไปที่กันชนท้ายของรถ : ทีมวิศวกรของ Jeep ออกแบบให้ Gladiator สามารถรองรับกับการใช้งานอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะในเรื่องของการลากจูง ซึ่งในรุ่นนี้สามารถลากรถบรรทุกสัมภาระได้ในระดับสูงสุดถึง 7,650 ปอนด์ หรือ 3,477 กิโลกรัม เลยทีเดียว

-ชี้ไปที่กระบะท้าย : คุณอาจจะคิดว่ามันก็แค่เวอร์ชันปิกอัพของ SUV ที่เอาใจคนชอบความอเนกประสงค์ แต่บอกเลยว่า Gladiator มีความสามารถมากกว่านั้น โดยเฉพาะในเรื่องของการบรรทุกในระดับ 1,600 ปอนด์ หรือ 730 กิโลกรัม

-ชี้ไปที่ประตูด้านหน้าและหลัง : สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Gladiator มีความน่าสนใจคือ ความสะดวกในการใช้งาน ซึ่งคุณสามารถถอดประตูทั้ง 4 บานออกได้เช่นเดียวกับแผ่นหลังคาที่มีการแยกเป็น 3 ส่วน และน้ำหนักก็ไม่หนักมาก เพราะผลิตจากอะลูมิเนียม

-ชี้ไปที่กระจกบังลมหน้า : อีกเอกลักษณ์หนึ่งของ Jeep ตัวลุยอย่าง Wrangler คือกระจกบังลมหน้าสามารถถอดพับได้ และใน Gladiator ก็ทำได้เช่นเดียวกัน โดยตัวโครงแผ่นกระจกบังลมหน้าจะผลิตจากอะลูมิเนียม และมีนอตยึดทั้งหมด 4 ตัว และกระจกมองหลังก็ยังทำงานได้เหมือนเดิมเพราะติดตั้งอยู่บนโครงหลักของตัวถัง

-ชี้ไปที่ช่วงล่างหน้า : ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อถือเป็นอีกจุดเด่นหนึ่งของ Gladiator โดยในรุ่นนี้มีการใช้ระบบที่แตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย ถ้าเป็นรุ่นมาตรฐานจะเป็นระบบ Command Trac 4×4 โดยที่เกียร์ 4L จะมีอัตราทด 2.72:1 ทำงานคู่กับระบบเพลาหน้าและหลังแบบ Dana44 ที่มีความทนทานสุดๆ และใช้เฟืองท้ายอัตราทด 3.73 แต่ถ้าเป็นรุ่น Rubicon จะใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Rock-Trac ที่ถูกออกแบบอัตราทดมาเพื่อการลุยโหดๆ โดยเฉพาะการแล่นข้ามหินที่ถือเป็นจุดเด่นของตัวลุยจาก Jeep

-ชี้ไปที่ตรงกลางตัวรถ : ในแง่ของสมรรถนะในการลุยนั้น การออกแบบทุกรายละเอียดเน้นการสยบเส้นทางออฟโรด โดยด้านหน้าจะมีมุมไต่ หรือ Approach Angle 43.6 องศา มุมจาก-Departure Angle 26.0 องศา มุมคร่อม-Breakover Angle 20.3 องศา และมีความสูงใต้ท้องรถ หรือ Ground Clearance 11.1 นิ้ว

-ชี้ไปที่ล้อหน้า : ระบบช่วงล่างหน้าและหลังเป็นแบบยึด 5 จุด ที่ได้รับการปรับแต่งให้สอดคล้องกับรุ่นย่อยที่ทำตลาด ถ้าเป็นรุ่น Sport และ Overland จะเน้นการใช้งานทั้งออนโรดและออฟโรด แต่จะหนักไปทางแบบแรกมากกว่า ส่วนรุ่น Rubicon จะแตกต่างออกไป และเน้นความสมบุกสมบันในการใช้งาน พร้อมล้อแม็ก 7 นิ้วและยางขนาด 33 นิ้ว

 

 

 

Jeep Truck 1947-2019

จี๊ปกับการผลิตรถยนต์อเนกประสงค์ในสไตล์ปิกอัพไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่จริงๆ แล้วมีมานานชนิดที่นับย้อนหลังไปก็คือมีจุดเริ่มต้นในปี 1947 กับเมื่อ Willys Overland ส่งรุ่น Jeep Pickup ออกมาเป็นครั้งแรก และตลอดเวลา 40 ปีหลังจากนั้นพวกเขาก็ส่งเวอร์ชันกระบะตัวลุยออกมาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะหายหน้าไปพักหนึ่งในช่วงปี 1992

1954 Jeep® 4WD 1-Ton Pickup Truck

1947-1965 : รุ่นแรกของ Jeep ที่พัฒนามาจากตัวลุยในสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่าง Willy และมีทำตลาดตัวถังที่มีระยะฐานล้อยาวถึง 118 นิ้ว

1957 Jeep® FC-170

1957-1965 : Jeep เปิดตัวปิกอัพรุ่นใหม่ออกมาในชื่อ FC-150/170 โดย FC เป็นคำย่อของชื่อ Forward-Control โดยจะมีระยะฐานล้อ 81 นิ้วสำหรับรุ่น 150 และ 103.5 นิ้วสำหรับรุ่น 170 และทำตลาดอยู่นานถึง 8 ปีเต็ม

1963 Jeep® Gladiator

1963-1987 : มีการเปิดตัวรุ่น Gladiator ออกมา โดยมีขาย 2 รุ่นคือ J-200 ที่มีระยะฐานล้อ 120 นิ้ว และ J-300 ที่มีระยะฐานล้อ 126 นิ้ว ใช้ชุดส่งกำลังขับเคลื่อน 4 ล้อรุ่น Dana20 และระบบเพลาหน้าและหลัง Dana44 โดย Jeep ใช้ชื่อ Gladiator ทำตลาดอยู่ช่วงใหญ่ๆ แต่สุดท้ายชื่อนี้ก็หายไป เพราะ Jeep เลิกใช้ไปในปี 1972

1981-1985 : แม้ว่าชื่อของ Gladiator จะหายไป แต่ Jeep ก็ยังเดินหน้าลุยตลาดปิกอัพอยู่ดี และคราวนี้เป็นคิวของรุ่น CJ-8 Scrambler ที่แชร์พื้นฐานจากตัวลุย CJ-7 แต่มีระยะฐานล้อยาวกว่า โดยในตลาดต่างประเทศ ปิกอัพรุ่นนี้จะรู้จักในชื่อ CJ-8 มีขายทั้งรุ่นหลังคาแข็งและรุ่นหลังคาอ่อน โดยการผลิตมีมากกว่า 30,000 คัน ตลอดช่วงอายุแค่ 4 ปีในการทำตลาด

1986-1992 : คราวนี้เป็นการขยายทางเลือกด้วยการสร้างบนพื้นฐานเดียวกับ SUV ตัวลุยอย่าง Cherokee และใช้ชื่อว่า Commache โดยจะมาในแบบรุ่น 2 ประตู พร้อมกระบะท้ายที่ยาวถึง 6 ฟุต และเปิดตัวทำตลาดครั้งแรกในปี 1986 ส่วนในรุ่นหลังๆ มีการเพิ่มรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อที่มาพร้อมกับระบบ Command-Trac ให้เลือกใช้งานด้วย

2005 Jeep(R) Gladiator Concept Vehicle.

2005 : ในช่วงที่ตลาดสหรัฐอเมริกาเริ่มมองหาความแปลกใหม่ในการนำ SUV ที่มีอยู่มาผลิตเป็นตัวถังแบบปิกอัพเพื่อเสริมทางเลือกใหม่ในตลาด ทางด้าน Jeep ก็สนใจกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน และชื่อของ Gladiator ได้ถูกนำมาใช้อีกครั้งกับต้นแบบที่ถูกเปิดตัวในปี 2005 อย่างไรก็ตาม ในช่วงนั้นถือว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของอุตสาหกรรมรถยนต์อเมริกัน และรวมถึง Chrysler บริษัทแม่ของ Jeep ที่เริ่มมีอาการขาดทุนสะสมและมีแนวโน้มของการล้มละลาย จึงทำให้โปรเจ็กต์ส่วนใหญ่หยุดหมด และก็หยุดยาวจนกระทั่งต้องรอกันนานถึง 15 ปีเลยทีเดียว

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

Save