“Toyota Hilux Revo Asean Friendship Caravan มหัศจรรย์สุวรรณภูมิ ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา” ตอนที่ 1
เมื่อประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่อาเซียนอย่างเป็นทางการ นอกจากที่ประเทศไทยจะวางแผนรับมือรอบด้านกับยุค AEC แล้ว สิ่งหนึ่งที่นอกเหนือจากการปรับตัวเอง คือการเปิดหู เปิดตา และก้าวออกไปเรียนรู้ว่าประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ในประชาคมอาเซียนกับเรานั้นเขาพัฒนาและก้าวต่อไปในทิศทางใด เพื่อที่เราจะได้หันกลับมามองและพัฒนาตัวเองให้ก้าวไปอีกขั้น
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จึงได้จับมือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ การท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย จัดกิจกรรม “ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป… ผู้นำทุกเส้นทาง” ภายใต้โครงการมิตรภาพอาเซียน ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะสนับสนุนการท่องเที่ยว เพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศและสร้างความสุขให้กับคนไทย โดยเดินทางไปกับพาหนะคู่ใจ “ไฮลักซ์ รีโว่” ผู้นำทุกเส้นทาง เป็นเวลา 10 วัน 4 ประเทศ
Day 1 : กทม. – บุรีรัมย์
คาราวานครั้งนี้เริ่มต้นปล่อยตัวอย่างยิ่งใหญ่ ณ ลานคนเมือง กรุงเทพมหานคร อีกจุดหนึ่งที่มีความสวยงามทางทัศนียภาพแบบมหานคร กับ “เสาชิงช้า” สัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองหลวงแห่งนี้ หลังจากนั้นขบวนคาราวานทั้งหมดก็มุ่งหน้าสู่ จิม ทอมป์สันฟาร์ม ณ อำเภอปักธงชัย ซึ่งฟาร์มแห่งนี้ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในเชิงการอนุรักษ์และถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของชาวไทยเชื้อสายลาว โดยจะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรปีละครั้งเท่านั้น ซึ่งวันนี้ที่เราเดินทางกันนั้นก็ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม 2559 อากาศกำลังดี ดอกไม้ และธรรมชาติภายในจึงอุดมสมบูรณ์ มีทัศนียภาพที่สวยงามที่สุด คณะคาราวานได้เก็บภาพบรรยากาศกันแทบทุกมุมของฟาร์มแห่งนี้ ทั้งจุดเรียนรู้วงจรชีวิตของหนอนไหม แปลงพืชผักและ ไม้ดอกนานาชนิด และยังได้ซื้อผลผลิตทางการเกษตรปลอดสารพิษติดไม้ติดมือกลับออกมาอีกด้วย
หลังจากชื่นชมกับความงามของจิม ทอมป์สันฟาร์มเรียบร้อยแล้ว ขบวนคาราวานของเราก็มุ่งหน้าต่อไปยัง สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ของจังหวัดบุรีรัมย์ นั่นคือ ปราสาทหินพนมรุ้ง เพื่อชมความอลังการของปราสาทหินสถาปัตยกรรมขอมที่ตั้งอยู่บนยอดของภูเขาไฟเดิม พร้อมกับชมการแสดงต้อนรับอันสวยงาม ในชุดพนมรุ้งมหาเทวาลัย ในช่วงเวลาที่ท้องฟ้าสวยงามที่สุดเมื่อพระอาทิตย์กำลังอัสดงลงตรงหน้า ก่อนที่จะเดินทางกลับไปพักผ่อนในค่ำคืนแรก ซึ่งรวมระยะทางในวันนี้กว่า 544 กิโลเมตร
Day 2 : บุรีรัมย์ – สุรินทร์ – อุบลราชธานี
เช้าตรู่ของการเดินทางในวันที่สอง คณะคาราวานริ่มต้นเดินทางไปยังสถานที่สำคัญ หรือเรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์กของจังหวัด กับสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต เพื่อถ่ายภาพหมู่ พร้อมเข้าชมสนามแข่งรถที่ยิ่งใหญ่ระดับมาตรฐาน เอฟไอเอ เกรด 1 (FIA Grade 1) และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่กระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัด รวมถึงของประเทศได้อย่างมาก
หลังจากนั้นคาราวานจึงเดินทางต่อไปยัง “ศูนย์คชศึกษา” หรือหมู่บ้านช้างในจังหวัดสุรินทร์ เพื่อชมการแสดงช้างแสนรู้ ช้างวาดภาพ และช้างอาบน้ำ นอกจากนั้นหมู่บ้านช้างแห่งนี้ยังได้แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของการเลี้ยงช้าง และสุสานช้างที่แปลกตา อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอีกด้วย
เสร็จจากความสนุกสนานของการแสดงช้างแสนรู้แล้ว คณะคาราวานก็มุ่งหน้าต่อไปยัง “อุทยานแห่งชาติผาแต้ม” ซึ่งเป็นเวลาที่พระอาทิตย์กำลังทอแสงลงใกล้พ้นขอบฟ้า ทิวทัศน์ของฝั่งลาวที่อยู่ตรงหน้านั้นทำให้ทุกคนรู้สึกสดชื่นมากทีเดียว โดยภายในอุทยานแห่งนี้ ก็มีเส้นทางลัดเลาะไปตามหุบเขาเพื่อเข้าชมภาพเขียนสีโบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์ และเสาเฉลียงอันมีชื่อเสียงของผาแต้ม ก่อนกลับเข้าพักที่ โรงแรมทอแสง โขงเจียม เพื่อรับประทานอาหารค่ำ และนอนเอาแรงสำหรับเส้นทางในวันรุ่งขึ้น รวมระยะทางในวันนี้กว่า 405 กิโลเมตร และเป็นคืนสุดท้ายในฝั่งไทยก่อนเดินทางช้ามแดนวันรุ่งขึ้น
Day 3 : อุบลราชธานี – ปากเซ สปป.ลาว
เช้าตรู่ของวันที่สามนี้ ริมฝั่งโขงมองจากตัวโรงแรมนั้น บรรยากาศงดงามมาก ทำให้คณะคาราวานของเราสดชื่นพอที่จะขับรถข้ามประเทศ เมื่อออกจากโรงแรมแล้ว คณะคาราวานมุ่งตรงไปยังด่านช่องเม็ก เพื่อข้ามไปยังดินแดนแห่งลาวใต้ เพื่อมุ่งหน้าสู่ “ปราสาทหินวัดภู” โดยตลอดเส้นทางก่อนถึงที่หมาย เราได้ทดสอบสมรรถนะของเจ้ากระบะแห่งอนาคตอย่างรีโว่แบบเต็มที่ เส้นทางออฟโรดกว่า 40 กิโลเมตร ที่เต็มไปด้วยฝุ่น ดินแดงคละคลุ้ง ถนนมีหลุมบ่อตลอด แต่ภายในห้องโดยสารยังคงนิ่งกว่าที่เคย ถือเป็นการปฏิวัติวงการรถกระบะอย่างแท้จริง โดยวันนี้ตรงกับวันเด็กของไทย เด็กๆ ชาวลาวออกมายืนยิ้มต้อนรับตลอดสองข้างทาง คณะคาราวานของเราจึงปันขนมบางส่วนให้กับเด็ก สร้างความประทับใจได้ไม่น้อย
เมื่อเดินทางถึงยัง “ปราสาทหินวัดภู” เราก็ต้องพบกับความยิ่งใหญ่ของโบราณสถานแห่งนี้ ซึ่งเป็นโบราณสถานของอาณาจักรฟูนันหรือเจินละ ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเขมร ตั้งเด่นตระหง่าน ทางเข้าทอดยาวมุ่งตรงเข้าไปยังหุบเขา เรียกได้ว่าเป็นปราสาทหินที่มีทำเลที่ตั้งที่ดีที่สุด และมีความสวยงามจนองค์การยูเนสโก้ได้เลือกให้เป็นมรดกโลก หลังจากนั้นก็เดินทางไปยังเส้นทางธรรมชาติอีกหนึ่งเส้นทางเพื่อชมความงดงามของน้ำตก “ตาดผาส้วม” น้ำตกขนาดใหญ่ที่แสดงให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ก่อนมุ่งหน้ากลับสู่ที่พัก เพื่อร่วมงานเลี้ยงซึ่งมีเจ้าแขวงจำปาสักให้การต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ภายในห้องอาหารของโรงแรม รวมระยะทางในวันที่สามนี้กว่า 380 กิโลเมตร
Day 4 : ปากเซ – อัตตะปือ – ยาลาย
เข้าสู่วันที่สี่เราต้องเดินทางข้ามดินแดนแห่งลาวใต้ เพื่อมุ่งหน้าสู่จุดหมายที่ประเทศเวียดนาม โดยระหว่างทางในช่วงเช้านั้น คณะคาราวานได้แวะพักจิบชากาแฟที่น้ำตกตาดฟาน น้ำตกที่ทิ้งตัวลงมาจากที่สูงหลายร้อยเมตร เสร็จจากตรงนี้เราก็ขับรถกันต่อ ผ่านที่ราบสูงโบโลเวน เป็นเขตที่ราบสูงที่ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยไร่กาแฟ ถือเป็นดินแดนของภูเขาไฟเก่าที่ปัจจุบันได้ดับลงแล้ว
จากจุดนั้นวิ่งลงสู่แขวงอัตตะปือริมแม่น้ำเซกองมาเรื่อยๆ ก็ถึงด่านพรมแดนลาว-เวียดนาม ก่อนจะข้ามไปก็อำลาอาลัยกับทีมงานชาวลาว ส่งสัญญาว่าเรายังระลึกถึงกันอยู่ เมื่อข้ามแดนมาเวียดนาม ทีมงานเวียดนามก็มาดูแลคณะเราอย่างดี แล้วจึงมุ่งหน้ากันต่อสู่เมืองยาลาย เราพักที่นี่กัน 1 คืน และได้สัมผัสบรรยากาศของเวียดนามตั้งแต่คืนแรก รวมระยะทางของวันนี้ราว 460 กิโลเมตร
Day 5 : ยาลาย – บวนเมทวด – ดาลัด
วันที่ห้าแห่งการเดินทาง จากยาลาย ขบวนคาราวานขับขึ้นเขาเป็นระยะ ผ่านเมืองบวนเมทวด เป็นอีกเมืองที่มีขนาดใหญ่ อยู่บนที่สูงสุดของเวียดนามใต้คือเมืองดาลัด เมืองที่ได้ชื่อว่า ปารีสตะวันออก เมืองแห่งดอกไม้ เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยฝรั่งเศส ซึ่งถูกปกครองด้วยเวียดนาม เป็นเมืองพักตากอากาศของชาวฝรั่งเศส ที่นี่เราได้รับการต้อนรับจากตัวแทนการท่องเที่ยวของเมืองดาลัด มีการจัดเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่ หลังจากนั้นเรามีโอกาสไปแวะชมไม้ดอกมากมายซึ่งถูกปลูกไว้อย่างสวยงามสมกับที่เป็นเมืองหนาวและคนเมืองยังได้มีการนำไม้ดอกเหล่านั้นมาทำเป็นของฝากของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย
ดาลัดถือว่าเป็นเมืองตากอากาศที่สวยงาม เสมือนว่าได้เดินทางมาพักผ่อนในโซนยุโรปก็ว่าได้ ทั้งอากาศหนาวเย็นในอุณหภูมิราว 18 องศา และบรรยากาศที่สวยงามเกินบรรยาย อยากให้คุณผู้อ่านได้เดินทางมาสัมผัสด้วยตัวเอง หมดวันนี้รวมระยะทางกว่า 403 กิโลเมตร
การเดินทางในทริปนี้ผ่านมา 5 วันนี้เป็นเพียงแค่ครึ่งทางของการเดินทาง 10 วัน 4 ประเทศตอนต่อไปกับเส้นทางที่จะได้เห็นสมรรถนะของ HILUX REVO 4×4 บนทะเลทรายในเวียดนามใต้ ติดตามตอนต่อไป…
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.