“River Kwai Paradise..สรวงสวรรค์กลางลำน้ำแคว”

          ยังคงอยู่ในฤดูฝนที่ชุ่มฉ่ำของเดือนกันยายน เดือนที่หลายคนอาจคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับการเดินทางท่องเที่ยว แต่สำหรับชาวออฟโรดแล้วนั้นไม่มีฤดูไหนทีจะออกท่องเที่ยวได้มันส์และท้าทายเท่ากับฤดูฝนอีกแล้ว

ปลายทางของเราในครั้งนี้คือลำน้ำแควน้อย หรืออีกชื่อหนึ่งคือแม่น้ำไทรโยก เพื่อพบกับกิจกรรมสนุกๆ ในช่วงวันหยุด ท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ของจุดที่เวิ้งน้ำไหลคดเคี้ยวเลี้ยวผ่าน ทำให้กระแสน้ำบริเวณนั้นเรงพอที่จะเป็นอีกหนึ่งความท้าทายให้ใครหลายคนได้สัมผัส โดยจุดที่ว่านี้คือที่ตั้งของที่พักของเราในครั้งนี้ “River Kwai Paradise” รีสอร์ทขนาดใหญ่ที่รังสรรค์ขึ้นจากไม้ทั้งลำ ตั้งตระหง่านลอยอยู่บนเวิ้งน้ำของแม่น้ำไทรโยกน้อย

การเดินทางมายัง “River Kwai Paradise” ก็สะดวกทั้งในแบบรถยนต์ส่วนตัว และรถตู้โดยสารสาธารณะ หากขับรถยนต์ส่วนตัวก็ให้วิ่งเส้นนครปฐมตรงมาตามป้ายกาญจนบุรี-ไทรโยก หรือสังเกตุเส้นทางหลวงหมายเลข 323 ตรงมาเรื่อยๆ จะเห็นป้าย “River Kwai Paradise” หรือถ้ำดาวดึงส์ ก็ให้เลี้ยวเข้ามาลงมาตามทางก็จะเจอตัวรีสอร์ท ซึ่งมีที่จอดรถกว้างขวาง ส่วนใครที่เดินทางโดยรถโดยสาร รถจะจอดที่ตัวเมืองกาญจนบุรี ให้เรียกรถมาทางไทรโยก สังเกตชื่อที่พักและลงตรงหน้าซอย โทรหาทางรีสอร์ทและจะมีพนักงานขับรถออกมารับ ซึ่งโดยรวมแล้วใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆ

เมื่อเข้าไปถึงที่พัก คุณจะได้พบกับป้ายต้อนรับเป็นภาษารัสเซียก็ไม่ต้องแปลกใจคิดว่าเป็นภาษาพม่าหรืออย่างไร เพราะแต่เดิมราว 8-9 ปีก่อน “River Kwai Paradise” ได้เปิดขึ้นเพื่อรองรับเฉพาะลูกค้ารัสเซียเท่านั้น ด้วยนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียมีไลฟ์สไตล์ในการท่องเที่ยวสไตล์นี้ ชอบสัมผัสธรรมชาติ ท่ามกลางขุนเขา และลำน้ำ ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวของชาวออฟโรดเท่าไหร่นัก แต่ปัจจุบันนี้ ทางรีสอร์ทได้เปิดรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นมาคู่ มาเดี่ยว หรือมาเป็นกรุ๊ป ครอบครัว หรือคณะใหญ่ที่ต้องการมาเลี้ยงสังสรรค์ทางรีสอร์ทก็มีบริการแพเหมาลำไว้คอยให้บริการ

บรรยากาศของที่พักแห่งนี้เป็นลักษณะแพไม้ขนาดใหญ่ ที่ตกแต่งดีไซน์ให้มีความกลมกลืนไปกับธรรมชาติโดยรอบ แบ่งออกเป็นสัดส่วนอย่างลงตัว ทั้งโซนห้องอาหาร โซนนวดแผนไทยริมน้ำ โซนห้องพักหลากหลายรูปแบบ ทั้งแพริมน้ำจำนวน 80 ห้อง ที่มีทั้งเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำน้ำอุ่นให้พร้อมภายในห้อง หรือห้องพักแบบบังกะโลอีกจำนวน 45 ห้อง มีเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น โทรทัศน์ และตู้เย็นไว้ให้ หรือจะเลือกหรูหรามีระดับด้วยห้องพักแบบวิลล่าลอยน้ำซึ่งมีขนาดกว้างขวางและเป็นส่วนตัว ให้คุณได้สะดวกสบายในการเข้าพัก ส่วนบริเวณด้านหน้าของที่พักด้วยความที่เป็นเวิ้งโค้งน้ำ ทำให้น้ำไหลค่อนข้างแรง ทางรีสอร์ทจึงทำลู่ไว้สำหรับอำนวยความสะดวกผู้เข้าพักทุกท่านที่ลงเล่นน้ำหน้าที่พัก พร้อมกับเตรียมชูชีพไว้พร้อม เพื่อความปลอดภัย ซึ่งแนะนำว่าใครที่อยากจะลงเล่นน้ำควรสวมชูชีพลงไปด้วยเสมอเพราะน้ำค่อนข้างแรง ที่สำคัญทางรีสอร์ทห้ามผู้เข้าพักทุกท่านลงเล่นน้ำเวลากลางคืนเด็ดขาด

นอกจากผู้เข้าพักจะรู้สึกสบายท่ามกลางบรรยากาศอันแสนบริสุทธิ์ของธรรมชาติแล้ว ราคาห้องพักที่นี่ก็จะทำให้ทุกท่านรู้สึกสบายกระเป๋าด้วยเช่นกัน เพราะราคาทั้งห้องพักตรงแพริมน้ำ และบังกะโลนั้นราคาเดียวกันทุกเดือนตลอดทั้งปี ห้องพักสำหรับ 2 ท่าน ราคา 1,200 บาท สำหรับ 3 ท่านราคา 1,600 บาท และสำหรับ 4 ท่านราคา 2,000 บาทต่อห้อง ไม่รวมอาหารเช้าและล่องแพ ส่วนแพ็คเกจสุดคุ้มสำหรับวันเสาร์และวันหยุดเพียงราคา 1,100 บาทต่อ 1 ท่าน ซึ่งรวมทั้งอาหารเช้า อาหารค่ำ กิจกรรมล่องแพเที่ยวน้ำตกไทรโยกใหญ่ และค่าตั๋วอุทยาน ซึ่งแนะนำให้มากับแกงค์เพื่อนๆ คุณจะได้สนุกสุดมันส์ไปกับทุกกิจกรรมที่ทางริสอร์ทจัดเตรียมไว้ให้ หรือหากใครที่อยากจะจัดทริปมากันแบบหมู่คณะรีอสร์ทเขาก็มีแพรองรับสำหรับคณะเล็ก 30 คน ด้วยราคาเหมาแพ หลังละ 3,000 บาท แต่หากคณะใหญ่ 80 คน ก็มีแพหลังใหญ่ไว้ให้บริการในราคาเพียง 4,000 บาท เรียกว่ายิ่งชวนกันมามาก ก็ยิ่งคุ้มมาก

และหากรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากกิจกรรมทางน้ำกันแล้วอยากผ่อนคลาย นอนเอนกายสบายๆ ที่ริมน้ำ ทางรีสอร์ทก็มีบริการนวดแผนไทยด้วยหมอนวดมืออาชีพในราคาชั่วโมงละ 200 บาท ซึ่งสามารถแจ้งล่วงหน้าได้ที่ล็อบบี้ของรีสอร์ทอีกด้วย ส่วนยามค่ำคืนที่ไม่สามารถลงเล่นน้ำได้ ก็ต้องบอกว่า คุณก็จะเห็นดาวระยิบระยับเกลื่อนกลาดอยู่เต็มท้องฟ้า หรือจะลองนอนหลับตาฟังเสียงน้ำไหล เคล้าเสียงจิ้งหรีดเรไรกันดู แล้วคุณจะรู้ว่าธรรมชาติของเมืองไทยเรา ยังคงสวยงามแม้ในยามที่คุณหลับตา

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสำรองห้องพักล่วงหน้า โทร. 034-684-439 หรือ www.theriverkwaiparadise.com

Mr.P’s เรื่อง / Sak Jira & Ball