แนะนำรถใหม่ปี 2015
ในปีนี้ ความเคลื่อนไหวในตลาดรถยนต์เมืองไทย ค่อนข้างจะซบเซา เงียบเหงาไปสักนิด สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งในแต่ละค่ายรถยนต์ทั้งญี่ปุ่น และยุโรป ต่างเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมโปรโมชั่นยั่วใจ ทั้ง ลด แลก แจก แถม มากมาย เพื่อกระตุ้นยอดขายช่วงส่งท้ายปลายปีในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 31 ที่คาดว่าจะมียอดจองถึง 50,000คัน สำหรับทีมงานนิตยสารออฟโรด ก็ได้จัดกลุ่มรถอเนกประสงค์เพื่อการใช้งานที่ได้ทำการเปิดตัวใหม่ภายในงานมาให้แฟนๆ ขาลุยได้เลือกดู เลือกชมกัน โดยในปีนี้จะมีค่ายใดนำเสนอรถใหม่มาอัพเดทกันบ้าง เชิญชมกันได้เลยครับ…
1. Subaru
เริ่มกันที่ค่าย ซูบารุ มีการเปิดตัว All New Outback รถอเนกประสงค์รุ่นล่าสุด เป็นครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน โดยเป็นรถครอสโอเวอร์ที่ให้สมรรถนะในระดับแถวหน้า ขุมพลังที่ใช้ เป็นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตร แบบ BOXER สูบนอนอันเป็นเอกลักษณ์ ให้กำลังสูงสุด 175 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 235 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแปรผัน Lineartronic สู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Symmetrical All-wheel Drive ถูกเสริมประสิทธิภาพด้วยระบบ X-MODE เพื่อการขับขี่บนถนนขรุขระและเปียกลื่นโดยเฉพาะ และระบบช่วยการทรงตัว VDC – Vehicle Dynamics Control ให้ทุกการขับขี่ เป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ
1.1 XV คืออีกหนึ่งรถยนต์เอนกประสงค์ ชูจุดเด่นจากสมรรถนะของเครื่องยนต์ Boxer สูบนอน อันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาแบบ Symmetrical All Wheel Drive ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่บนทางเรียบ และทางออฟโรด สำหรับในรุ่น STi Performance Package มาพร้อมกับชุดแต่งรอบคันจาก STi และ Strut Bar เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นแบบเบนซิน Boxer 4 สูบนอน ความจุ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 150 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ CVT โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย พร้อมออฟชั่นที่แตกต่าง ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 1.25 ล้านบาท, 1.29 ล้านบาท, 1.39 ล้านบาท
2. Mitsubishi
รถกระบะรุ่นล่าสุดที่ได้รับการเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆนี้ โดย All New Triton มาพร้อมดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ใช้เครื่องยนต์ใหม่ อลูมินัมอัลลอย บล็อค ขนาด 2.4 ลิตร ไมเวค วีจี เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ เป็นเครื่องยนต์ที่ให้ความทนทาน น้ำหนักเบา สมรรถนะสูง และประหยัดน้ำมันกว่ารุ่นเดิมถึง 20% มีกำลังสูงสุด 181 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตัน-เมตร โดยในรุ่น 4 ประตู Double Cab มีราคาเริ่มต้นที่ 791,000 บาท ไปจนถึง 1,008,000 บาท
3. Hyundai
The New Hyundai Tucson NAVI Series เป็นรถนำเข้าจากเกาหลีทั้งคัน มีการปรับหน้าตาใหม่ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น ติดตั้งจอ LCD ขนาด 6.9 นิ้ว พร้อมเครื่องเล่น DVD และระบบนำทาง Navigator โดยใช้แผนที่ของ Speed NAVI มีจุดเด่นที่ดีไซน์ภายนอกอันโฉบเฉี่ยว ตามคอนเซ็ปต์ Fluidic Sculptre Design เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นแบบดีเซลหัวฉีดคอมมอนเรล CRDi 4 สูบ 2.0 ลิตร 184 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 392 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งสามารถเป็นเจ้าของได้ในราคา 1.69 ล้านบาท
4. Nissan
X-Trail ถือเป็นการพลิกโฉมดีไซน์จากเอสยูวีทรงเหลี่ยม มาสู่ตัวถังที่ดูโฉบเฉี่ยว สวยงาม ลงตัวกว่าเดิม ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2 ขนาด ให้เลือก ได้แก่ 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 144 แรงม้า (PS) และ 171 แรงม้า (PS) ตามลำดับ พร้อมระบบขับเคลื่อนทั้งแบบ 2 ล้อ และ 4 ล้อ สนนราคาจำหน่ายตั้งแต่ 1,172,000 บาท ไปจนถึง 1,551,000 บาท
5. Chevrolet
สำหรับรุ่นล่าสุดที่ทาง เชฟโรเล็ต เปิดตัวในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปนั้น เป็นรุ่น Captiva Sport Edition ที่ได้ปรับแต่งทั้งในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอกและฟังชั่นการใช้งานที่เน้นความสะดวกสบาย รวมถึงความปลอดภัยในการขับขี่มากยิ่งขึ้น โดยมี เดย์ไทม์ รันนิ่งไลท์ แอลอีดี ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยให้กับรถที่วิ่งสวนทางมา และเพิ่มความปลอดภัยเมื่อขับขี่ในที่ที่มีแสงน้อย มาพร้อมสปอยเลอร์และชุดแต่งรอบคัน รวมไปถึงบันไดข้าง
6. Honda
HR-V รถยนต์คอมแพ็คครอสโอเวอร์ มากับรูปลักษณ์ภายนอกที่โฉบเฉี่ยว สวยงาม และโดดเด่น ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง i-VTEC ขนาด 1.8 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า (PS) ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT ภายในได้เพิ่มความหรูหรา สะดวกสบาย อาทิเช่น หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา, เบรคมือไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชั่น Hold โดยมี 3 รุ่นย่อยให้เลือก ได้แก่ S, E และ EL สนนราคาจำหน่ายตั้งแต่ 890,000 บาท ไปจนถึง 1,045,000 บาท
7. Mazda
CX-5 มาพร้อมเทคโนโลยี SKYACTIV ช่วยให้มีอัตราเร่งดี และประหยัดน้ำมัน ด้วยสมรรถนะที่เหนือกว่า จากน้ำหนักตัวที่เบากว่ารถในระดับเดียวกัน ในส่วนของเครื่องยนต์มีถึง 3 แบบให้เลือกใช้งาน เริ่มที่เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 4 สูบ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 4 สูบ 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 192 แรงม้า ที่ 5,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 256 นิวตันเมตร ที่ 3,250 รอบต่อนาที และในรุ่นขับเคลือนสี่ล้อ (AWD) ตัวท๊อปของรุ่น ใช้เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล SKYACTIV-D 4 สูบ 2.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 175 แรงม้า ที่ 4,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที ทุกรุ่นใช้ระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด สนนราคาตั้งแต่ 1.2 ล้านบาท, 1.3 ล้านบาท, 1.44 ล้านบาท, 1.67 ล้านบาท
8. Bmw
X6 xDrive30d M Sport ยนตรกรรมออฟโรดอเนกประสงค์สุดหรูในสไตล์ Sports Activity Coupe เจเนอเรชั่นที่สอง โดดเด่นด้วยการดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ มาพร้อมชุดแต่ง M Sport ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว น้ำหนักเบา พร้อมช่วงล่าง Adaptive M หลังคา BMW Individual สีดำแอนทราไซต์ เบาะนั่งด้านหน้าแบบสปอร์ตปรับด้วยระบบไฟฟ้า และพวงมาลัยหนังแท้ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบแถวเรียง เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo กำลัง 218 แรงม้า กับระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ xDrive ของบีเอ็มดับเบิลยูแบบ all-wheel drive รวมถึงเกียร์อัตโนมัติ Steptronic Sport Automatic 8 สปีด โดยมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 16.7 กม.ต่อลิตร
9. Land Rover
ได้ส่ง Full Sized Luxury SUV Range Rover V8SC Autobiography ด้วยสมรรถนะที่มีอยู่นั้น มาจากเครื่องยนต์ V8 5.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุดถึง 510 แรงม้า แรงบิดสูงสุดถึง 625 นิวตันเมตร ที่ 2,500-5,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดอันเหลือเฟือ ส่งผลให้มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 5.1 วินาทีเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับสมรรถนะในการลุยที่ยอดเยี่ยม ตามสไตล์ SUV เมืองผู้ดี ด้วยระบบขับเคลื่อนที่เลื่องชื่อของ Land Rover และยังสามารถลุยน้ำได้สูงสุดถึง 90 เซนติเมตร กับราคาค่าตัวที่ 14,750,000 บาท
10. Porsche
Macan Sport รถอเนกประสงค์ ในรูปแบบ Compact SUV ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ยังคงเส้นสายความเป็นสปอร์ต ด้านข้างตกแต่งด้วย Side Blades สี Lava Black เป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น ขุมพลังขับเคลื่อน เลือกใช้เครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2 ลิตร ระบบอัดอากาศคู่แบบ Bi-Turbo ให้กำลังสูงสุด 237 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 4,500 รอบต่อนาที มีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 13.88 กิโลเมตร/ลิตร มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงที่ 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 223 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระบบส่งกำลังใช้ระบบเกียร์ Porsche Doppelkupplung (PDK) อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Active all-wheel drive ในราคา 5.99 ล้านบาท
Cayenne S E-Hybrid มีการอัพเดทเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่บ่อยครั้ง โดยได้ปล่อยเวอร์ชั่น Plug-in Hybrid ที่สามารถชาร์จไฟฟ้าแยกได้ ในเรื่องความแรงก็ยังไม่เป็นรองใคร โดยใช้ขุมพลังเครื่องยนต์แบบ 6 สูบ 2,995 ซีซี ให้กำลังสูงสุดถึง 416 แรงม้า ที่ 5,500-6,500 รอบต่อนาที แรงบิดรูปแบบ Flat Torque ที่ 590 นิวตันเมตรที่ 1,250-4,000 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์ 8 สปีด Tiptronic S มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอยู่ที่ 5.9 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 243 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งความแรงระดับนี้ ก็มาพร้อมกับความประหยัดน้ำมัน เฉลี่ยอยู่ที่ 29.41 ลิตรต่อกิโลเมตร สนนราคาที่ 7.99 ล้านบาท
เรียบเรียงข้อมูลโดย นิตยสาร ออฟโรด : www.grandprix.co.th/offroadmagazine
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ไดที่ www.grandprix.co.th
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.