เอ็ม เอ เอ็น กับเส้นทางการก้าวสู่แบรนด์รถบรรทุกชั้นนำในไทย

เอ็ม เอ เอ็น ผู้บุกเบิกรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลจากเยอรมันสู่แบรนด์รถบรรทุกชั้นนำที่ครองใจผู้ประกอบการไทย

เป็นระยะเวลาเกือบทศวรรษที่แบรนด์เอ็ม เอ เอ็น เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยและส่งมอบรถบรรทุกคุณภาพชั้นนำระดับโลกถึงมือผู้ประกอบการไทยในวงการธุรกิจขนส่งและอุตสาหกรรมอื่นๆอีกมากมาย ด้วยสมรรถนะและเทคโนโลยีที่ผ่านการคิดค้นพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญในเยอรมนี และนำเข้าประเทศไทยแบบ CBU 100% ให้ลูกค้าผู้ประกอบการมั่นใจในมาตรฐานการผลิต ความแข็งแกร่งทนทาน ผสานกับบริการหลังการขายที่ใส่ใจดูแลอย่างทั่วถึง วันนี้เราจึงอยากชวนทุกคนย้อนดูเส้นทางการเติบโตของแบรนด์เอ็ม เอ เอ็น ตั้งแต่จุดเริ่มต้นเมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบันในฐานะแบรนด์ผู้นำด้านนวัตกรรมด้านยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ชั้นนำที่ขับเคลื่อนธุรกิจขนส่งทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย

เอ็ม เอ เอ็น ผู้บุกเบิกรถยนต์แบบเครื่องยนต์ดีเซลคันแรกของโลก

เอ็ม เอ เอ็น เริ่มต้นผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ในโรงงานประกอบขนาดเล็กในเมืองลินเดา ประเทศเยอรมนี ในปี 1915 ซึ่งในขณะนั้นโรงงานการผลิตนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ M.A.N. – Saurer Truck Works หลังจากที่เครื่องยนต์ดีเซลเครื่องแรกของโลกถูกประดิษฐ์ขึ้น ในปี 1924 เอ็ม เอ เอ็นได้เปิดตัวรถยนต์แบบเครื่องยนต์ดีเซลคันแรกของโลกที่มีระบบอัดฉีดเชื้อเพลิงและโครงสร้างของรถบัสที่เป็นรูปแบบใหม่ทั้งหมดบนตัวถังแบบโลว์-เฟรม แชสซี ซึ่งเอ็ม เอ เอ็น ได้สร้างความสำเร็จอันน่าจดจำเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นการสร้างรถบัส 3 เพลา และรถรางขึ้นเป็นครั้งแรก โดยเป็นรถบรรทุกดีเซลขนาดใหญ่ที่ทรงพลังที่สุดในโลกในช่วงเวลานั้น จนกระทั่งในปี 1955 ที่เอ็ม เอ เอ็นได้ผลิตรถบรรทุกคันแรกในรุ่น 515L1 ณ โรงงานในเมืองมิวนิก-อัลลาช ที่ต่อมากลายเป็นโรงงานที่ผลิตรถบรรทุกแบรนด์เอ็ม เอ เอ็น จำนวนกว่า 100,000 คัน อีกความสำเร็จอันยิ่งใหญ่และน่าภาคภูมิใจ คือ เมื่อรถบรรทุกของเอ็ม เอ เอ็น รุ่น 19.280 ได้รับเลือกให้กลายเป็น ‘Truck of the Year’ ในปี 1978 ทำให้แบรนด์เอ็ม เอ เอ็น ได้รับความไว้วางใจในฐานะผู้นำด้านการผลิตยานยนต์เพื่อการพาณิชย์และให้บริการขนส่งทั่วยุโรป

มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและผสานวัตกรรมผลิตรถบรรทุกชั้นนำ

รถบรรทุกของเอ็ม เอ เอ็น ได้รับรางวัลการรันตีอย่างต่อเนื่องมามากมาย นับเป็นผลผลิตจากการที่เอ็ม เอ เอ็น ให้ความสำคัญกับการค้นคว้าและวิจัยใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ การขับขี่อัตโนมัติ (automated driving) การเชื่อมต่อสื่อสาร (connectivity) รวมถึงการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยให้รถบรรทุกเอ็ม เอ เอ็น สามารถออกตัวได้แรง วิ่งได้เร็ว แต่ลดการใช้พลังงานน้ำมันและลดปริมาณไอเสีย ควบคู่ไปกับการรักษามาตรฐานด้านความปลอดภัย ดีไซน์ที่โดดเด่นและสมรรถนะเครื่องยนต์ที่แรงเหนือใคร และเอ็ม เอ เอ็น ได้สร้างความสำเร็จอีกครั้งในปี 2008 ด้วยรถบรรทุกขนาดใหญ่ 2 รุ่นใหม่ TGX และ TGS ที่ได้รับรางวัล “Truck of the Year” และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล German Design Award รถบรรทุกรุ่น V8 มีกำลัง 680 แรงม้าเป็นรถบรรทุกรุ่นที่ทรงพลังที่สุดในยุโรป

รถบรรทุกเอ็ม เอ เอ็น ได้ผสานฟังก์ชั่นสุดล้ำทั้งภายนอกและภายใน ไม่ว่าจะเป็น โดยมีจุดเด่นคือ ระบบฟังก์ชั่นที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและสะดวกสบายในการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น MAN BrakeMatic ระบบเบรคล้อแบบลมล้วนควบคุมด้วยอิเลคโทรนิคแบบดิสค์เบรคทั้งด้านหน้าและด้านหลังติดตั้งมาพร้อมกับระบบป้องกันล้อล็อคอัตโนมัติ (ABS) MAN TipMatic ระบบเกียร์ทำงานแบบกึ่งอัตโนมัติ (Smartshifting) สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้สะดวก มาพร้อมกับระบบการตรวจบรรทุกน้ำหนัก (Load Detection) ของตัวรถที่จะช่วยทำการเลือกเกียร์ที่เหมาะสมในการออกตัวและในสถานการณ์ต่างๆ โดยคำนึงถึงน้ำหนักของตัวรถและน้ำหนักบรรทุก รวดเร็ว MAN Easy Start ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน เพิ่มความสะดวกในการออกตัวและความปลอดภัยโดยช่วยให้รถไม่ไหลไปด้านล่าง รวมถึงช่วยลดการทำงานของคลัทช์และเกียร์ ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานและประหยัดค่าใช้จ่าย และมาพร้อมระบบรองรับน้ำหนักของตัวรถทั้งเพลาหน้าและเพลาหลังเป็นแบบแหนบ (Parabolic Leaf Spring) พร้อมกับโครง เพื่อให้การรองรับน้ำหนักและการทรงตัวเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ก้าวสู่ที่หนึ่งในใจผู้ประกอบการขนส่งไทย

เอ็ม เอ เอ็น ได้เข้ามาทำตลาดประเทศไทยครั้งแรกในปี 2555 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการขนส่ง เอ็ม เอ เอ็น จึงได้เข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อปลายปี 2562 พร้อมเปิดตัวรถบรรทุกหัวลากเรือธง TGS 3 รุ่น ได้แก่ MAN TGS 6×4 360 แรงม้า TGS 6×4 400 แรงม้า และ TGS 6×4 440 แรงม้า ซึ่งเอ็ม เอ เอ็น ได้ประกาศความสำเร็จในตลาดประเทศไทยด้วยยอดจดทะเบียนรถบรรทุกที่เติบโตสูงสุดในรอบ 9 ปี โดยมียอดรถจดทะเบียนเดือนมกราคมถึงเดือนกรกฎาคม ปี 2564 เติบโดขึ้นกว่า 97% จากปี 2563 และยังคงทยอยส่งมอบรถให้ลูกค้าผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่องผ่านเครือข่ายดีลเลอร์ทั่วประเทศไทย ทั้งดีลเลอร์รายใหญ่ประจำภาคกลาง บริษัท เค-แมน.ออโต้เซอร์วิส จำกัด และดีลเลอร์รายใหญ่ประจำภาคใต้ บริษัท ริช แอนด์ เบสท์ วิฮีเคิล จำกัด ซึ่ง เอ็ม เอ เอ็น ยังคงมีแผนที่จะขยายเครือข่ายดีลเลอร์ไปยังจังหวัดสำคัญในภาคอื่นๆ เปิดศูนย์บริการแบบครบวงจรทั้งการจำหน่ายและการบริการหลังการขายที่ครอบคลุมและเดินหน้าครองใจผู้ประกอบการไทยต่อไป

บริการหลังการขายครอบคลุมดูแลครบวงจร

นอกจากสมรรถนะและเทคโนโลยีเสริมฟังก์ชั่นต่างๆของรถบรรทุกแล้ว เอ็ม เอ เอ็นยังใส่ใจและให้ความสำคัญกับบริการหลังการขายเพื่อเพิ่มความมั่นใจกับลูกค้าผู้ประกอบการและดูแลคนขับรถอย่างครอบคลุมและทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็น บริการ Onsite Service ซ่อมบำรุงรักษาให้บริการถึงที่ทั่วประเทศไทย โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าซ่อมบำรุงแต่ละครั้ง ฟรีสัญญาบริการบำรุงรักษา COMFORT เป็นระยะเวลา 3 ปี หรือ 300,000 กิโลเมตร และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 24 เดือนไม่จำกัดระยะทาง นอกจากนี้ เอ็ม เอ เอ็น ยังมีการรับประกันคุณภาพของอะไหล่ 24 เดือน โดยไม่จำกัดระยะทาง ให้ลูกค้ามั่นใจและได้ใช้อะไหล่ที่มีคุณภาพ คุ้มค่าคุ้มราคา ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาจุกจิกหรือการใช้งานในระยะยาว

จากจุดเริ่มต้นของเอ็ม เอ เอ็น ในโรงงานเล็กๆที่ประเทศเยอรมนี จนถึงปัจจุบัน นับเป็นระยะเวลามากกว่า 100 ปี ที่เอ็ม เอ เอ็น ไม่หยุดคิดค้นและพัฒนารถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีและฟังก์ชั่นที่ก้าวล้ำตามยุคสมัยตลอดเวลา โดยเอ็ม เอ เอ็น ยังคงยึดมั่นในเป้าหมายของแบรนด์ที่ต้องการขับเคลื่อนธุรกิจขนส่ง พร้อมเคียงข้างผู้ประกอบการและเหล่าสิงห์รถบรรทุกทั่วโลก และในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมด้านยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ชั้นนำของโลก เอ็ม เอ เอ็น ยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานการผลิต เพื่อมอบรถบรรทุกที่มีสมรรถนะเป็นเลิศ ประหยัดและทนทาน พร้อมบริการหลังการขายที่ครอบคลุม ให้แก่ลูกค้าผู้ประกอบการต่อไป

สามารถติดตามข้อมูลและข่าวสารอื่นๆ ของ เอ็ม เอ เอ็น ทรัค แอนด์ บัส ประเทศไทย ได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก MAN Truck and Bus Thailand

Comments are closed.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

Save