เมื่อความรักใน ชีวิตคลาสสิค พาคู่เหมือน JEEP M38A1มาพบกันที่ BJC
หนึ่งในวงการรถคลาสสิคของเหล่าออฟโรด คงหนีไม่พ้นสุดยอดรถเพื่อใช้ในการสงคราม อย่างรถ JEEP นั่นก็เพราะมันเป็นหนึ่งในรถขับเคลื่อนสี่ล้อที่มากด้วยสมรรถนะ ทั้งยังผ่านการพิสูจน์การใช้งานจริงมาแล้วในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองไปจนถึงสงครามครั้งใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นสงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม สิ่งเหล่านี้ทำให้ JEEP รุ่นที่ผลิตเพื่อใช้ในราชการสงครามกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้ออีกหลายๆ รุ่นที่ผลิตออกสู่ตลาดรถยนต์
แม้นว่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โลกจะได้เห็นการนำเครื่องจักรกลเข้ามาใช้งานในราชการทหารบางส่วนแล้วก็ตาม แต่สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อนั้น จะพบเห็นได้ชัดเจนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองมากกว่า สำหรับรถ JEEP นั้นเกิดขึ้นจากการที่กรมสงคราม ประเทศสหรัฐอเมริกา มีความต้องการจะได้รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อเอาไว้ใช้งานในสงคราม เลยจัดให้มีการประกวดราคาเพื่อการผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อใช้ในราชการสงคราม ก็มีบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐให้ความสนใจเข้าร่วมประกวดราคา เพื่อทำการผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อดังกล่าว
ด้วยมาตรฐาน ที่กรมสงครามตั้งบังคับไว้ เพื่อให้ได้รถที่มีประสิทธิภาพไปใช้งานในกองทัพบกสหรัฐอเมริกา โดยมีข้อกำหนดพื้นฐานว่า จะต้องเป็นรถเพื่อใช้ในการลาดตระเวนได้เป็นอย่างดี และจะต้องสามารถที่จะใช้เพื่อขนส่งทหารเข้าสู่พื้นที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว หรือจะต้องบรรทุกสัมภาระได้ ทั้งนี้ตัวรถจะต้องมีน้ำหนัก ¼ ตัน เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้ายเข้าสู้พื้นที่เป้าหมาย และยังมีข้อกำหนดว่า เมื่อเสร็จสิ้นการประมูลผู้ผลิตที่ได้รับสัญญา จะได้รับระยะเวลาประมาณ 75 วัน ในผลิตและทดสอบรถให้กับทางกองทัพสหรัฐและรถต้นแบบดังกล่าวจะต้องมีฐานล้อไม่เกิน 75 – 80 นิ้ว ทั้งนี้กระจกหน้ารถต้องสามารถพับลงได้ ตัวรถต้องสามารถบรรทุกน้ำหนักได้ 300 กิโลกรัม และต้องมีเครื่องยนต์ที่มีแรงบิดไม่น้อยกว่า 115 นิวตันเมตร
จากข้อกำหนดดังกล่าวมีสองบริษัทได้แก่ American Bantam และ Willys-Overland ที่สามารถเข้าร่วมการประมูล ถึงแม้ว่า Willys-Overland จะเป็นผู้ชนะการประมูลมาได้ก็ตาม แต่สุดท้าย Bantam ก็รับช่วงต่อสัญญา โดยการผลิตรถให้ทันภายใน 49 วัน และทดสอบภายใน 75 วัน ภายใต้การดูแลของนักออกแบบ Karl Probstก็ได้รถต้นแบบออกมาภายใต้ชื่อว่า Blitz Buggy
แต่หลังจากนั้นBantamกลับไม่มีที่จะทำการผลิตและเกิดขาดสภาพคล่อง ทำให้ไม่สามารถที่จะผลิตและทำการส่งมอบให้กับทางกระทรวงกลาโหมสหรัฐ เลยเป็นโอกาสให้กับ Ford และ Willys กลับเข้ามาทดสอบ และทำสัญญาเพื่อผลิตรถส่งมอบให้กับทางกระทรวงกลาโหมสหรัฐแทน Bantamและเหตุผลที่ทางกระทรวงกลาโหม ต้องการรถใช้ในราชการอย่างเร่งด่วน กระทรวงกลาโหมจึงส่งแบบพิมพ์เขียนให้กับทาง Ford และ Willysโดยให้เหตุผลว่า พิมพ์เขียวของรถBantamนั้นมีรัฐบาลเป็นเจ้าของซึ่งทางBantam เองก็ไม่ได้ทำการคัดค้านใดๆ นี่เลยเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมรถ JEEPของทั้งทาง Ford และ Willys ที่ผลิตออกมานั้นจึงมีรูปร่างที่คล้ายคลึงกันจนแทบจะไม่แตกต่างอะไรกับรถของทางBantam แล้วก็ได้นำมาทดสอบเปรียบเทียบกันทั้งสามค่าย ส่วนที่มาของคำว่า JEEP นั้น น่าจะมาจากตัวย่อ GP ที่ไว้ใช้ระบุประเภทของยานพาหนะ จนเพี้ยนมาเป็น JEEP
เรามาเข้าเรื่องของ JEEP M38 A1 กันเลยดีกว่า สำหรับโฉมนี้ คาดว่าอยู่ในช่วงปี 1952-1957 โดยมีจำนวนผลิตอยู่ที่ 101,488 คันแบ่งเป็น 80,290 คันที่ใช้งานในประเทศ และ 21,198 คัน สำหรับขายต่างประเทศ สำหรับรุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้งานมากในสมัยสงครามเกาหลี และสงครามเวียดนาม โดยรถทั้งสองคันที่เอามาถ่ายทอดความคลาสสิคให้ชมกันนี้ เป็นรถที่อยู่ในสังกัด กลุ่มพิษณุโลกจี๊ปคลับ ที่มี พันเอกนพดล วัชรจิตรบวร หรือที่รู้จักกันในวงการคนเล่นรถ JEEP ว่า ผู้การกบ ดำรงตำแหน่งประธานชมรมพิษณุโลกจี๊ปคลับ หรือที่ใช้ชื่อย่อสั้นๆ กันว่า BJC ซึ่งในชมรมนี้ก็มีรถอยู่เกือบ 30 คัน เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มที่มีรถเยอะที่สุดในประเทศไทย โดยมีสัญลักษณ์สำคัญที่แสดงให้รู้ว่าเป็นสมาชิกของชมรม คือ ไฟหน้ารถทุกคันในชมรมต้องเป็นสีเหลืองเพื่อสร้างความแตกต่างให้สังเกตได้นั่นเอง
สำหรับรถทั้งสองคันนี้ เป็นของ ชาญชัย สงวนงารีต และ ธงชัย มิตรสิทธิ์ทั้งสองท่านเสียสละเวลามาให้เราได้เก็บภาพกัน โดยรถทั้งสองคันนี้ เป็น JEEP M38A1 ที่เป็นรถที่สร้างชื่อเสียงเอาไว้อย่างมากในยุคสงครามเกาหลี โดยเครื่องยนต์นั้นเป็นเครื่องยนต์เฮอริเคน แบบ 3 เกียร์เดินหน้าแล้วก็ 1 เกียร์ถอยหลัง ใช้พลังงานไฟ 24 โวลต์ ทำให้มันเหมาะกับภารกิจในภาคสนาม ช่วงล่างนั้นเป็นแหนบบนคานแข็งทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ใช้เฟืองท้ายของ Dana และบริโภคน้ำมันเบนซิน 95 เป็นเชื้อเพลิง แล้วทั้งสองคันนี้ เป็นรถที่ใช้ชุดแต่งเดิมทั้งหมด แต่มีคันของ คุณชาญชัย หรือ เฮียตี๋ได้ย้ายพวงมาลัยจากทางด้านซ้ายมาติดตั้งเป็นพวงมาลัยขวา
เหตุผลที่ทำให้ทั้ง คุณชาญชัย และ คุณธงชัย สะสมรถรุ่นนี้ก็มาจาก ต่างชื่นชอบที่จะแสวงหารถยนต์คลาสสิคมาเป็นทุนเดิมก่อนหน้านี้ พอได้มาเจอกับ M38A1 ที่เป็นรถยนต์ JEEP ในตำนานของตระกูลหน้ากบ ซึ่งรถในรุ่นนี้มีไฟหน้าที่เป็นหลุมอันเป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจน เมื่อกองทัพบกได้ปลดระวางรถรุ่นนี้ ก็เลยได้มาครอบครอง แต่การได้มานั้นก็ต้องอยู่ที่จังหวะเวลา เพราะการที่จะเล่นรถแบบนี้ มีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้ สำหรับอะไหล่ยังพอสามารถหาซื้อได้อยู่บ้าง
สำหรับคนที่ชื่นชอบในรถคลาสสิคตระกูล JEEP ก็สามารถหาข้อมูลได้กจากหลายๆ กลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ และแหล่งอะไหล่ ตามประสาคนคอเดียวกัน
SPECIFICATIONS Willys M38A1 (1952-1971)
Weight 3,865 lb. (Gross), 2,660 lb. (Crub)
Length(overall) 138-5/8”
Width (overall) 60-7/8”
Height (maximum) 73-3/4”
Ground Clearance 9-5/16”
Tire Size 7.00×16
Tread (front) 49-1/8”
Tread (rear) 49-1/8”
Transmission T-90
Transfer Case Dana 18
Front Axle Dana 25 (1952-1960) or Dana 27 (1961-1971)
Rear Axle Dana 44
Wheebase 81”
Fuel Capacity 17 Gal
Other 2-Piece Winshield, 24 Volt Electrical
Engine Type 134 CID (2.2L) F4-134 Hurricane 14
Number of Cylinders 4
Cu-In. Displacement 134.2 cu. in. (2199,53 cm 3)
Horsepower 72@4000 rpm
Torque 114 lb-ft. (15,7 kg-m.)
Compression Ratio 6.9 to 1
Valvetrain F-Head
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.