เที่ยวป่าเมืองกาญจน์ฯฝั่งตะวันออก จากลำอีซู-หนองรี-น้ำตกสไลเดอร์ปลายทางที่น้ำเอ่อ

ฤดูหนาว แม้เวลาจะเลยหกโมงเช้าไปแล้ว แต่ฟ้ายังไม่ทันสาง อากาศค่อนข้างเย็นจากสายลมหนาวของเหมันตฤดูที่พัดพลิ้วแผ่วผ่านท้องน้ำอันกว้างไพศาลของเขื่อนกระเสียว เกลียวคลื่นเล็กๆ ถูกแรงลมพัดโถมกระฉอกม้วนตัวเข้าหาฝั่ง ถัดออกไปเรือหาปลาของชาวบ้าน 2-3 ลำ ลอยลำอยู่กลางท้องน้ำ ใกล้ๆ กันนั้นก็เป็นแพปลาตั้งกระจัดกระจายอยู่เป็นหย่อมๆ ทางด้านทิศเหนือของอ่าง ไกลออกไปสุดสายตาด้านทิศตะวันตก ทิวเขาตั้งเด่นสง่าเรียงราย เว้นระยะสูง ต่ำ พองาม ที่นั่นคือแนวเขตของเทือกเขาตะนาวศรีอันยิ่งใหญ่ ที่แบ่งแยกประไทยกับพม่า และป่ากับเมืองอย่างชัดเจน

lumezoo21-300x201

หากเราพิจารณาให้ดี จะเห็นว่าธรรมชาติทุกอย่างล้วนถูกรังสรรค์ด้วยหัตถ์แห่งธรรมชาติ ที่ยากนักมนุษย์เราจะสร้างขึ้นมาเองได้ ทำได้เพียงแค่ครอบครอง แต่งเติม และสุดท้าย มนุษย์ คือ ผู้ทำลายอย่างแท้จริง

 

เวลาเริ่มสายขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันขบวนรถกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 5 คัน ก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากตัวด่านช้าง ซึ่งเป็นอำเภอสุดท้ายที่ตั้งอยู่เหนือสุดของเมืองสุพรรณฯ ขับตามกันเป็นขบวนจากสันอ่างเก็บเขื่อนน้ำกระเสียว มุ่งหน้าสู่เส้นทางด่านช้าง-หนองปรือ จ.กาญจนบุรี

“เดี๋ยวเราไปแวะที่อ่างเก็บน้ำลำอีซูก่อน จากนั้นค่อยเข้าไปเที่ยวที่น้ำตกสไลเดอร์ ที่ถ้ำธารลอดต่อ ส่วนตอนเย็นจะแวะพักที่ไหนค่อยว่ากันอีกที” น้าเดช หรือ ธีรเดช ขาวสบาย เจ้าถิ่นจากด่านช้างและชมรมขอนลอยออฟโรด บอกกับชาวคณะ

lumezoo01

lumezoo09

การเดินทางของพวกเราครั้งนี้ มุ่งเน้นเสพส้องเส้นทางธรรมชาติอันงดงามและบริสุทธิ์ โดยเฉพาะผืนป่าฝั่งตะวันออกของกาญจนบุรี ซึ่งหลายๆ เส้นทางนั้น แทบจะไม่มีใครรู้จักเท่าไรนัก หรือบางเส้นทางก็แทบจะถูกลืมไปเสียแล้ว เราจึงขับรถตามสไตล์กินลมชมวิวไปเรื่อยๆ อย่างไม่เร่งรีบนัก จุดหมายแรกอยู่ที่อ่างเก็บน้ำลำอีซูและหน่วยพิทักษ์ป่าหนองรี ทั้งสองสถานที่นี้อยู่ในเขตพื้นที่ของอำเภอบ่อพลอย ลำอีซูเป็นอ่างเก็บน้ำเล็กๆ ก่อสร้างปิดลำห้วยสาขาของห้วยตะเพิน  ส่วนหน่วยพิทักษ์ป่าหนองรี ตั้งอยู่ติดกับลำอีซู แต่อยู่ในความดูแลของเขาสลักพระ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรกของเมืองไทย หน่วยพิทักษ์ป่าหนองรีนี้ มีลำห้วยอีซูไหลผ่าน  แม้ว่าไม่มีแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อ แต่มีสถานที่สวยงามหลายแห่งด้วยกัน เหมาะสำหรับกิจกรรมนันทนาการ  โดยเฉพาะเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติลำอีซู ที่ตั้งของน้ำตกนามอญ น้ำตกกลางไพรพฤกษ์ที่มีความสูงชัน และสวยงาม แต่การเดินทางเข้าน้ำตกนามอญนั้น บอกตามตรงว่าไม่เหมาะกับชาวออฟโรดเราเท่าไรนัก เพราะต้องเดินเท้าเข้าไป โดยใช้เวลาเดินถึง 2 วันด้วยกัน หรือถ้าใครสนใจก็ติดต่อที่หน่วยฯนี้ได้ครับ

lumezoo04

ความงดงามและเงียบสงบของหนองรีเป็นอย่างไร บางครั้งท่านผู้อ่านอาจจะมองไม่เห็นภาพ จึงขออนุญาติหยิบยกข้อความบางตอนบางตอนของชาวค่ายหนองรี ที่ได้เขียนถึงหน่วยฯหนองรีเอาไว้อย่างน่าอ่านทีเดียว

ความประทับใจแรก คือสายน้ำที่ไหลลัดเลาะตามแนวป่า ใสสะอาด เย็นฉ่ำ

เสียงน้ำไหลตลอดเวลา ความรู้สึกสดชื่น สดใส และมีความสุข

แม้เวลาค่ำคืนที่นอนอยู่ในเต็นท์…..ริมน้ำลำอีซู .. ไอน้ำยังกระจาย ละอองฝอย สัมผัสได้

เสียงจิ้งหรีดเรไร …..ใบไม้ร่วงหล่น

ได้ยินแม้กระทั่งเสียงปลวกเดินอยู่ใต้พื้นนอน เวลาดึกสงัด

เสียงนกร้อง เซ็งแซ่ ก้องป่า…  ออกหากินแต่เช้าแล้ว

ชาวค่ายฯ ที่มาที่นี่ทุกครั้ง…..  ก็ต้องทำมาหาอาหารกินเองเช่นกัน

เสียงก่อไฟด้วยกิ่งไม้ ใบไม้แห้ง  กลิ่นควันลอยฟุ้ง ……ทั่วชายป่า

เสียงอึกทึก วุ่นวายของเด็กๆ……ที่ไม่เคยทำอาหารด้วยหม้อสนาม

เรียนรู้การใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ปรับตัว ให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม และผู้อื่น

หยิบยื่นน้ำใจ ….แบ่งปัน…. ช่วยเหลือกัน

เมนูชาวค่ายจึงประหยัด  ..พอเพียง.. และคุ้มค่า

และ…อีกมากมายหลายกิจกรรมที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ …ช่วยเสริมเสร้างความสามัคคี 

และตระหนักถึงความสำคัญของป่าไม้ สัตว์ป่า ดิน และน้ำ

กิจกรรมเจ้ากวางน้อย ….ที่เด็กๆ ผูกตาเดินตามรอยเส้นเชือก ย่ำน้ำเย็นชื้น ฉ่ำใจ

หากหวั่นไหวด้วย เส้นทางเดินข้างหน้าที่มองไม่เห็น

เปรียบเหมือนลูกกวางน้อยที่แม่เจ้าถูกพรากไป

เด็กน้อยเอย  … จะไปทางไหน…  เพราะใคร….  มนุษย์ใช่ไหมเล่า???

การเดินป่า….ศึกษาธรรมชาติของป่า …..พันธุ์ไม้ป่านานาพรรณ

ป่าไผ่ ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง ……นั่นคือความสมดุลของธรรมชาติ

 เราเดินทางออกจากหน่วยพิทักษ์ป่าหนองรี หลังจากแวะเข้าไปเที่ยวชมอยู่พักใหญ่ ขับรถย้อนกลับออกมาที่เส้นทางหนองปรือ-ถ้ำธารลอด จุดหมายต่อไปของเราคือ น้ำตกสไลเดอร์ ที่อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ หรือถ้ำธารลอด ที่อยู่ห่างออกไปอีกราว 20 กว่ากิโลเมตร สำหรับอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์แห่งนี้ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 97 กิโลเมตร และถ้าเอ่ยถึงสถานที่ท่องเที่ยวของอุทยานฯแห่งนี้ เราจะทราบกันดีว่า ส่วนใหญ่เป็นทางเดินเท้าสั้นๆ ซึ่งมีอยู่ 2 เส้นทางด้วยกัน เส้นทางแรก เป็นเส้นทางเดินป่าจากถ้ำธารลอดน้อยถึงถ้ำธารลอดใหญ่ ภายในถ้ำธารลอดน้อยจะเห็นหินงอกหินย้อยสวยงามและมีลำธารไหลผ่านภายในถ้ำชื่อ ลำกระพร้อย เมื่อพ้นถ้ำธารลอดน้อยออกมาจะต้องเดินป่าต่อไปอีก 1.5 กิโลเมตร จะถึงน้ำตกไตรตรึงษ์ เดินต่อไปอีกราว 1 กิโลเมตร จ ะถึง ถ้ำธารลอดใหญ่ ส่วนเส้นทางที่สอง เป็นเส้นทางเดินป่าไปยังน้ำตกธารเงินและน้ำตกธารทองระยะทางประมาณ 1.8 กิโลเมตร  น้ำตกธารเงิน เป็นน้ำตกขนาดย่อมลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ ถึง 7 ชั้น ใช้เวลาเดินทางจากที่ทำการอุทยานถึงชั้นแรกของน้ำตกประมาณ 35 นาที ส่วนน้ำตกธารทองเป็นน้ำตกขนาดใหญ่มี 15 ชั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาที

นั่นคือแหล่งท่องเที่ยวหลักๆ ของถ้ำธารลอด แต่ครั้งนี้เราจะพาท่านผู้อ่านไปรู้จักกับแหล่งท่องเที่ยวสไตล์ออฟโรดอีกเส้นทางหนึ่ง ที่อยู่ริมตะเข็บของอุทยานฯแห่งนี้ นั่นก็คือ น้ำตกสไลเดอร์

lumezoo20

การเดินทางไปยังน้ำตกสไลเดอร์ มีสองเส้นทางเหมือนกัน เส้นทางแรกวิ่งเข้าไปในเขตอุทยานฯจะมีเส้นทางเลาะป่าไปเรื่อยๆ รถธรรมดาก็สามารถขับเข้าไปได้ ส่วนเส้นทางที่สองอยู่ที่ด้านนอกพื้นที่ของถ้ำธารลอด การเดินทางเข้าไปยังเส้นทางนี้ ก็ขับไปตามเส้นทางปกติที่จะเข้าไปยังอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ ก่อนถึงด่านตรวจฯให้เลี้ยวซ้ายข้ามลำห้วยเล็กๆ ไป เส้นทางนี้เป็นแนวกันชน ที่แบ่งแยกพื้นที่ทำกินของชาวบ้านกับอุทยานฯ นั่นเอง

เส้นทางไปยังน้ำตกสไลเดอร์เส้นนี้ ระยะทางคร่าวๆ ประมาณ 3-4 กิโลเมตร ในช่วงหน้าแล้งหรือหน้าหนาวเช่นนี้ การเดินทางเข้าไปไม่สู้ยากเท่าใดนัก ทางจะยากเมื่อผ่านไปกิโลเมตรแรกไปแล้ว เพราะต้องขับผ่านลำห้วยไป ทางเริ่มมีมีร่องน้ำ หลุมลึก สลับกับโขดหิน และไต่ตามความสูงของขุนเขาไปเรื่อยๆ บางช่วงเป็นทางดินแคบๆ ที่แม้กระทั่งรถซูซูกิ คาริเบี้ยนก็ต้องขับแบบตะแคงเอียงข้างเข้าไป

ยิ่งลึกเส้นทางจะเริ่มยากและรกทึบขึ้นเรื่อยๆ ก่อนขึ้นสู่สันเขาด้านบน เส้นทางที่ไร้ผู้สัญจรเส้นนี้จะเต็มไปด้วยร่องน้ำมากมาย หากเป็นช่วงฤดูฝน หากพลาดหลุดไลน์ลงร่องน้ำ ผมว่าต้องใช้วินช์กันหลายช่วงทีเดียว

แต่งวดนี้เราใช้เวลาไม่นานนัก ก็ทะลุสู่ไร่ของชาวบ้าน ก่อนจะตัดเข้าสู่ราวป่าอีกครั้ง เส้นทางก็เริ่มเปลี่ยนอีกเช่นกัน เต็มไปด้วยโขดหินตะปุ่มตะปั่มน้อย-ใหญ่ สองข้างทางปกคลุมไปด้วยป่าไผ่ แต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับรถที่ตกแต่งมาเพื่อเที่ยวป่าเท่าไรนัก และเพียงไม่กี่อึดใจ เราก็เดินทางมาถึงน้ำตกสไลเดอร์ ซึ่งตั้งอยู่ริมทางนั่นเอง

สำหรับน้ำตกสไลเดอร์ เป็นน้ำตกเล็กๆ ลักษณะคล้ายธารน้ำไหลผ่านโขดหิน ลดหลั่นเป็นชั้นเล็กชั้นน้อยก่อนที่ปลายน้ำจะไหลเทลงลานหินชั้นล่าง แต่ด้วยน้ำในช่วงนี้มีไม่มากนัก ทำสายน้ำดังกล่าวไหลคดเคี้ยวไปตามลานหินนานนับสิบนับร้อยปี จนเกิดการกัดกร่อนกลายเป็นทางน้ำเล็กๆ คล้ายกับสไลเดอร์ของสวนสนุก และนี่เองที่เป็นที่มาของชื่อน้ำตกแห่งนี้ น้ำตกสไลเดอร์แม้จะไม่ยิ่งใหญ่อลังการ แต่โดยภาพรวมแล้วถือว่ามีความเป็นธรรมชาติมาก เงียบสงบเพราะห่างไกลจากผู้คน เหมาะสำหรับการตั้งแคมป์พักแรม สำหรับผู้ที่ต้องการดื่มด่ำกับธรรมชาติ ครั้งแรกคณะของเราก็ตั้งใจจะพักแรมที่นี่เช่นกัน แต่ติดขัดที่ทาง ธีระเดช ขาวสบาย ได้นัดแนะกับทาง พ.ต.ท.สุทธิพงศ์ เป๊กทอง หรือรองเป๊ก ประธานชมรมพิษณุโลก 4×4 เอาไว้ที่น้ำเอ่อ โดยทางรองเป๊กพร้อมพรรคพวกอีก 10 กว่าคัน เดินทางล่วงหน้าไปพักแรมอยู่ที่น้ำเอ่อก่อนหน้านี้แล้ว ประกอบกับฟ้ายังไม่ทันพลบ เราจึงเดินทางย้อนกลับออกมาจากน้ำตกสไลเดอร์ เดินทางต่อไปยังน้ำเอ่อเป็นที่หมายต่อไปในการแรมคืนในครั้งนี้

เส้นทางสู่น้ำเอ่อในช่วงเวลานี้ ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น แม้เส้นทางยังคงเป็นทางดินเช่นอดีต ฝุ่นฟุ้งกระจายยามเมื่อล้อรถตะกุยแล่นผ่าน แต่ก็ถูกปรับหน้าให้ราบเรียบและขยายให้กว้างกว่าเดิม ทำให่เราสามารถทำเวลากันได้พอสมควร แต่กว่าจะถึงจุดนัดหมายแสงสุดท้ายก็หายไปจากขอบฟ้า

เขาออกลากแพออกไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ เห็นว่าไปไกลเกือบถึงศรีสวัสดิ์โน่น คงตามไปลำบาก เพราะไม่รู้ว่าอยู่จุดไหน คนแพที่ดูแลสถานที่บอกกับเรา ถ้าจะนั่งเรือตามไปก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมงโน้นแหละ คนแพพูดต่อ หลังจากเราเข้าไปสอบถามถึงคณะของรองเป๊ก

ในที่สุดเราก็สรุปกันว่า หากไปหาแพนอนในคืนนี้คงลำบาก เนื่องจากเป็นวันหยุดและเป็นวันเด็กแห่งชาติ ซึ่งแน่นอนว่า  สู้ขับรถต่อไปอีก 10 กว่ากิโลเมตร ไปพักแรมที่หน่วยพิทักษ์ที่ศร.9 ไกรเกรียง ของอุทยานแห่งชาติศรีนครินทร์ หรือบางคนเรียกกันว่า หน่วยฯน้ำเอ่อ น่าจะดีกว่า เพราะหน่วยฯนี้ตั้งอยู่ติดกับอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นหน่วยฯสุดท้ายที่ติดกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง มีธรรมชาติอันงดงามและบรรยากาศที่เงียบสงบ

เราเดินทางมาถึงหน่วยฯเอาเมื่อช่วงดึก ก็ต้องตกใจเล็กน้อย เพราะที่นี่ปกติจะไม่ค่อยมีคนเดินทางมาพักแรมมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นชาวออฟโรดเสียมากกว่า เพราะรถขับเคลื่อน 2 ล้อจะเดินทางเข้ามายาก ยิ่งเป็นในช่วงฤดูฝนด้วยแล้ว หมดสิทธิ์

แต่…วันนี้ มันกลับเต็มไปด้วยรถที่จอดตั้งแคมป์ค้างแรมมากมาย ดูคร่าวๆ แล้ว ไม่น่าจะต่ำกว่า 40 คัน ขณะที่พวกเรากำลังสาละวนอยู่กับการหาเลือกทำเลและจัดเตรียมข้าวของเพื่อทำอาหารอยู่นั้น

พวกคุณนอนบนแพก็ได้นะ เพราะแพเขาเตรียมมาให้พวกผม แต่มาดึกไปหน่อยส่วนใหญ่ก็กางเต็นท์กันหมดแล้ว เสียงของหนุ่มใหญ่คนหนึ่งที่เดินมาทักทายคณะของเรา พร้อมกับถ่ายทอดน้ำใจด้วยการให้คณะของเราขึ้นไปนอนบนแพ (ผมทราบชื่อภายหลังว่าผู้มากน้ำใจท่านนี้ มีชื่อว่า คุณเสถียร มาเจริญรุ่งเรือง แห่ง บริษัท สามัคคีพัฒนา จำกัด)  จึงนับเป็นความโชคดีของคณะของเรา ที่คืนนี้ไม่ต้องนอนชมเดือนชมดาว ภายใต้น้ำค้างและอากาศอันเหน็บหนาวอีกด้วย

สำหรับเส้นทางดังกล่าวที่ผมยกขึ้นมานี้ นอกจากการได้ออกกำลังเกียร์ ให้อะดีนนารีนได้หลั่งกันแบบหอมปากหอมคอแล้ว สำหรับผู้ที่ต้องการแสวงหาความงดงามของธรรมชาติ ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว เส้นเลาะผืนป่าเมืองกาญจน์ฯฝั่งตะวันออกนี้ น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของเส้นทางสายธรรมชาติ ที่ยังคงรอคอยคนเดินทางเข้าไปเสพสุขอยู่เสมอ

lumezoo26

 

 

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

Save