รีวิว SUV หรู 2016 ห้าค่ายดัง
โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ (Toyota Fortuner)
ถูกออกแบบและพัฒนา ภายใต้แนวคิดยนตกรรมอเนกประสงค์ตัวจริง ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ พร้อมความมั่นใจในทุกการขับขี่ ด้วยการขยายเฟรมให้ใหญ่ขึ้นและพัฒนาช่วงล่างแบบ 4 ลิงค์ เครื่องยนต์ใหม่ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพแห่งการขับขี่แบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
การออกแบบที่หรูหรา ล้ำสมัย ทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะ 3 เส้นสายแห่งดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์แห่งความภาคภูมิของฟอร์จูนเนอร์ใหม่ พร้อมเพิ่มความสมบูรณ์แบบด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่ มาตรฐานระดับโลก สร้างความมั่นใจแห่งความปลอดภัยของชีวิตที่เหนือระดับ
เครื่องยนต์มีให้เลือก 3 รุ่น ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร ที่มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้าที่ 3,400 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตรที่ 1,600 – 2,400 รอบ/นาที รวมถึงเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร ที่มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดหรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 3,400 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตรที่ 1,600-2,000 รอบ/นาที
นอกจากนี้ ยังมีทางเลือกเครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร ดูอัล วีวีที-ไอ ที่มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 166 แรงม้าที่ 5,200 รอบ/นาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 245 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/นาที
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต
มาพร้อมแนวคิด “More Utility on Demand ความสมบูรณ์แบบที่ตอบทุกไลฟ์สไตล์” เพิ่มความสะดวกสบายและหรูหรายิ่งขึ้น ในขณะที่รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อมสมรรถนะเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางไปในทุกที่สำหรับวันพักผ่อนตามแนวคิด “Performance on Demand…สมรรถนะที่ตอบทุกความต้องการ”ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ 2.5 ลิตร DI-D ไฮเปอร์คอมมอนเรล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว วีจี เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ พร้อมท่อร่วมไอดีแบบทวิน อินเทคแมนิโฟลด์ ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-3,500 รอบต่อนาที ผ่านมาตรฐานมลพิษระดับ 3 ในไทย และรองรับมาตรฐานมลพิษระดับ 4 ของยุโรป ด้วยระบบ EGR ที่นำไอเสียหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ จึงช่วยลดมลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมระบบ Super -Select 4WD (SS4) ให้เลือกขับได้ทั้ง 4WD และ 2WD ด้วยเทคโนโลยีที่ถูกถ่ายทอดมาจากมิตซูบิชิ ปาเจโร มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ INVECS II พร้อม Sportronic ระบบเกียร์อัจฉริยะที่ตอบสนองได้รวดเร็วทันใจซึ่งสามารถเรียนรู้และจดจำรูปแบบการขับขี่ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างเหมาะสม และทำให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift ในรุ่น GT ขับเคลื่อน 4 ล้อ
ปาเจโร สปอร์ต โดดเด่นด้วยสีตัวถังใหม่ “น้ำตาลทอง (Quartz Brown)” ส่วนไฟหน้าแบบ HID ที่ให้ความสว่างมากยิ่งขึ้น พร้อมระบบปรับระดับลำแสงอัตโนมัติและระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ตามสภาพแสงภายนอก และการติดตั้งระบบน้ำฉีดล้างไฟหน้ารถเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่องสว่างของไฟหน้ารถ รวมถึงระบบที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ในรุ่น GT
ส่วนภายห้องโดยสาร ติดตั้งระบบเครื่องเสียงใหม่ รองรับวิทยุ ซีดี MP3 AUX in ช่องเสียบ USB ในรุ่น GLS พร้อมความอเนกประสงค์กับเบาะนั่งแบบ 3 แถว รองรับผู้โดยสาร 7 ที่นั่ง ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้ง่ายถึง 5 รูปแบบ โดยในรุ่น GT เบาะที่นั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทาง
ขณะที่เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเลื่อนเดินหน้าและถอยหลังได้ และยังสามารถแยกพับพนักพิงแบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระได้มากขึ้น เช่นเดียวกับเบาะนั่งแถวที่ 3 ซึ่งสามารถแยกพับแบบ 50:50 ราบกับพื้นห้องโดยสาร เพื่อให้การเก็บสัมภาระด้านหลังรถที่มากขึ้น พร้อมระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลังให้ความเย็นทั่วถึงทั้งห้องโดยสาร
ต่อมาได้เพิ่มเติมเผื่อประสิทธิภาพเหนือระดับเพื่อสมรรถนะแห่งการขับขี่
– เครื่องยนต์ดีเซล คอนมอนเรล 2.4L 181 แรงม้า ที่มาพร้อมเสื้อสูบและฝาสูบอลูมินัม อัลลอย บล็อก ซึ่งมีน้ำหนักเบา ทนทาน แข็งแกร่ง และระบายความร้อนได้ดีเยี่ยม
– ระบบวาล์วแปรผัน MIVEC ช่วยให้เครื่องยนต์มีแรงบิดดีขึ้นในรอบต่ำทำให้เครื่องยนต์มีอัตราเร่งดีเยี่ยม ให้การเผาไหม้หมดจด ลดมลพิษ รักษาสิ่งแวดล้อม
– เพิ่มแรงม้ามากขึ้นด้วยขุมพลังของ VG Turbo ทำให้เครื่องยนต์มีกำลังสูง ทั้งในรอบปานกลาง และรอบสูง ตอบสนองทันใจ ช่วยให้ขับขี่สนุกและเร้าใจมากขึ้น
เซฟโรเลต เทรลเบลเซอร์(Chevrolet Trailblazer)
รถอเนกประสงค์หรือ รถปิกอัพดัดแปลง พีพีวี (Pick-up Passenger Vehicle) ที่พร้อมลุยไปทุกเส้นทาง ด้วยขุมพลังเต็มพิกัดเครื่องยนต์ดูราแม๊กซ์ มั่นใจกับคุณสมบัติความปลอดภัยรอบด้าน ด้วยระบบถุงลมนิรภัยคู่ (SRS) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน (HDC) และระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางชัน (HAS) ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยกล้องมองหลัง (Rear view Camera) เปลี่ยนโหมดการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อด้วยระบบไฟฟ้า (4WD Control Button) รถ PPV เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ใหม่ โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายใน หรูหรา มีระดับ ให้คุณสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างอย่างลงตัว โดยมีรุ่นใกล้เคียงอย่างเช่น โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ , มิตซูบิชิ ปาเจโร่สปอร์ต , อีซูซุมิว-เอ็กซ์ เป็นต้น
เซฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร และ 2.8 ลิตร
ในรุ่น 2.5 ลิตร ใช้เครื่องยนต์ Duramax(XLD25) 4 สูบ 16 วาล์ว แบบคอมมอลเรลพร้อมชุดเทอร์โบ และระบบหัวฉีดไดเร็คอินเจ็คชั่นพร้อมระบบอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุดได้ 150 แรงม้า ทำงานร่วมกับระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ราคาเริ่มต้นที่ 1,095,000 บาท
และในรุ่น 2.8 ลิตร ใช้เครื่องยนต์ Duramax(XLD28) 4 สูบ 16 วาล์ว แบบคอมมอลเรลพร้อมชุดเทอร์โบแปรผัน และระบบหัวฉีดไดเร็คอินเจ็คชั่นพร้อมระบบอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุดได้ 180 แรงม้า ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ราคาเริ่มต้นที่ 1,129,000 บาท
ต่อมาได้เพิ่มเครื่องยนต์ดีเซล เผื่อประสิทธิภาพเหนือระดับเพื่อสมรรถนะแห่งการขับขี่
– เครื่องยนต์ดีเซล คอนมอนเรล 2.4L 181 แรงม้า ที่มาพร้อมเสื้อสูบและฝาสูบอลูมินัม อัลลอย บล็อก ซึ่งมีน้ำหนักเบา ทนทาน แข็งแกร่ง และระบายความร้อนได้ดีเยี่ยม
– ระบบวาล์วแปรผัน MIVEC ช่วยให้เครื่องยนต์มีแรงบิดดีขึ้นในรอบต่ำทำให้เครื่องยนต์มีอัตราเร่งดีเยี่ยม ให้การเผาไหม้หมดจด ลดมลพิษ รักษาสิ่งแวดล้อม
– เพิ่มแรงม้ามากขึ้นด้วยขุมพลังของ VG Turbo ทำให้เครื่องยนต์มีกำลังสูง ทั้งในรอบปานกลาง และรอบสูง ตอบสนองทันใจ ช่วยให้ขับขี่สนุกและเร้าใจมากขึ้น
ฟอร์ด เอเวอร์เรส (Ford Everest)
รถยนต์ SUV เอนกประสงค์ 7 ที่นั่งรุ่นล่าสุด มาพร้อมการออกแบบโฉบเฉี่ยวและบึกบึน โครงสร้างแบบบอดี้ออนเฟรม ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ พร้อมระบบทีเอ็มเอส (TMS-Terrain Management System) ที่ช่วยให้ฝันฝ่าอุปสรรคได้ทุกสถานการณ์ ช่วงล่างอันล้ำสมัยให้การขับขี่ที่ราบรื่น นุ่มนวล ไม่ทิ้งความคล่องตัวในการขับขี่ ห้องโดยสารแบบ 7 ที่นั่ง กว้างขวาง หรูหรา ทันสมัยและดูประณีตในทุกรายละเอียด เทคโนโลยีอัจฉริยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบสั่งงานด้วยเสียงซิงค์ ทู ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ ระบบตรวจจับจุดบอดของรถ พร้อมระบบตรวจจับรถขณะออกจากซองจอง ซึ่งได้รับการติดตั้งในรถระดับนี้เป็นครั้งแรก
ฟอร์ด เอเวอร์เรส มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลทั้ง 2.2 ลิตร และ 3.2 ลิตร
รุ่น Titanium 2.2 ลิตร เครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ ให้กำลังสูงสุด 118 แรงม้า พร้อมแรงบิด 285 นิวตันเมตร ส่งต่อด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ราคาอยู่ที่ 1,269,000 บาท
รุ่น Titanuim 3.2 ลิตร เครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค แบบ 5 สูบ ให้กำลังสูงสุด 147 แรงม้า พร้อมแรงบิด 470 นิวตันเมตร ส่งต่อด้วยชุดเกียรือัตโนมัติ 6 สปีด ราคาอยู่ที่ 1,459,000 บาท
รุ่น Titanuim+ 3.2 ลิตร เครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค แบบ 5 สูบ ให้กำลังสูงสุด 147 แรงม้า พร้อมแรงบิด 470 นิวตันเมตร ส่งต่อด้วยชุดเกียรือัตโนมัติ 6 สปีด ราคาอยู่ที่ 1,559,000 บาท
อีซูซุ มิว-เอ็กซ์
มาพร้อมกับสโลแกน “เอกสิทธิ์แห่งผู้นำ” ที่มาพร้อมดีไซน์เน้นลู่ลม ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ (Cd) เพียง 0.4 ความยาวตัวรถ 4.825 เมตร และวงเลี้ยวแคบสุดเพียง 5.7 เมตร ตัวรถถูกออกแบบแนวเส้นรับกับกระจังหน้าแบบ 3มิติ คมเข้ม เน้นมิติเด่นชัดในทุกระยะสายตาด้วย ซูเปอร์ เดย์ไลท์ ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน แนวด้านข้างมาแนว บึกบึน ผสานเส้นสายที่ดูโฉบเฉี่ยว และแนวหลังคาแบบไดนาทิค โฟลว์ สร้างความรู้สึก พุ่งทะยานแม้ขณะหยุดนิ่ง ด้านท้ายมีแนวเส้นสายต่อเนื่อง สอดประสานรับกับแนวโครเมี่ยม ไฟท้ายแบบ อาร์ค-ไดเมนชั่น ให้มิติโดดเด่นพร้อมกล้องมองหลังและสปอยเลอร์หลัง เสาอากาศแบบครีบฉลามทันสมัย ส่วนหลังคาออกแบบมาพร้อมกับตัวรถโดยคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งยึดของแร็คหลังคาได้อย่างอิสระ
ภายในห้องโดยสารเน้นความประณีตมากยิ่งขึ้นด้วยการใช้คู่สีแบบทูโทน การออกแบบ อีซูซุ ยูนิเวอร์แซล ดีไซน์ โดยให้ผู้ใช้รถเป็นศูนย์กลาง ด้วยการจัดวางตำแหน่งที่นั่ง และอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถให้เข้ากับทุกสรีระ เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีไอวอรี่ ที่นั่งด้านคนขับแบบปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมพนักพิงศีรษะดีไซน์ซ่อนรูปลงตัว เรียบหรู และเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดครบทั้ง 7 ที่นั่ง, แผงหน้าปัดดีไซน์ต่อเนื่องเสริมลายไม้ หน้าปัดแบบสปอร์ตพร้อมไฟเรืองแสงสีขาวพร้อมตัวเลขสีขาวสวยเด่นชัด สะดวกสบายด้วยสมาร์ทมัลติฟังก์ชั่นที่พวงมาลัย
ระบบความบันเทิงสมบูรณ์แบบ อีซุซุ มีเดีย โซลูชั่น เครื่องเล่น DVD หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้วพร้อมระบบนำทาง i-Genii เหนือกว่าด้วยจอมอนิเตอร์บนเพดานแบบบิ้วอิน ขนาด 10.5 นิ้ว ระบบเสียงลำโพง 8 ทิศทาง ระบบปรับความเย็นอัตโนมัติให้ความเย็นทั่วถึงทุกที่นั่งผ่านช่องแอร์ทั้ง 3 ตอน พร้อมปุ่มควบคุมแยกตอนหน้า-หลัง ระบบปรับพับเบาะปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยภายในได้อย่างอิสระและหลากหลายเพียงสัมผัสจังหวะเดียว โดยสามารถพับเบาะทั้งตอน 2 และตอน 3 ได้อย่างต่อเนื่อง ระบบกุญแจอัจฉริยะ ควบคุมการเปิด-ปิดและล็อกประตูทุกบาน รวมถึงสตาร์ทรถด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมสวิตช์เปิด-ปิดที่ประตูท้าย
เครื่องยนต์ อีซูซุ ดีดีไอ ซูเปอร์ คอมมอนเรล เวอร์ชั่นล่าสุด ตามมาตรฐาน ยูโร 4 พร้อมเทอร์โบแปรผัน วีจีเอส เทอร์โบ ใหม่ล่าสุดลดช่องว่างระหว่างใบพัดกับเสื้อเทอร์โบ เพิ่มประสิทธิภาพการอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้ดียิ่งขึ้น พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด แบบ เรฟ ทรอนิค ออกแบบให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ระบบ เซฟตี้ โหมด ป้องกันระบบส่งกำลังเสียหายจากการเข้าเกียร์ผิด และประหยัดน้ำมันเหนือกว่าเกียร์อัตโนมัติ ทั่วไปด้วยระบบ ล็อคอัพทอร์ค คอนเวอร์เตอร์ เพิ่มการส่งถ่ายกำลังเต็มประสิทธิภาพ ตั้งแต่ความเร็วต่ำ
เครื่องยนต์ ISUZU 1.9 Ddi Blue Power ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิตสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที
เครื่องยนต์ ISUZU Ddi 3.0 พร้อม VGS Turbo ขุมพลัง 177 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 380
นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที
เครื่องยนต์ ISUZU Ddi 2.5 พร้อม VGS Turbo ขุมพลัง 136 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที
ช่วงล่างที่การออกแบบพิเศษ คอยล์สปริงทั้ง 4 ล้อ พร้อมช่วงล่างด้านหลังใหม่แบบ 5-LINK SUSPENSION พร้อม STABILIZER BAR เหล็กกันโคลงขนาดใหญ่
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ PART TIME 4WD พร้อมสวิชต์ควบคุมแบบ TERRAIN COMMAND ให้ความแม่นยำสูงปรับเปลี่ยนการขับขี่ได้ทั้ง 2WD และ 4WD ได้สะดวกรวดเร็ว สิ้นเปลืองน้ำมันและค่าบำรุงรักษา
ระบบความปลอดภัย ACTIVE SAFETY ระบบป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ SUPER DAYLIGHT ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน พร้อมไฟหน้าแบบPROJECTOR ลำแสงคมชัดสว่างไกล และไฟเลี้ยวแบบ LED ที่กระจกมองข้าง ระบบเบรกสมบูรณ์แบบ ด้วยดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ พร้อมระบบ ABS ป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ระบบ DUAL G-SENSOR ควบคุมการทำงานของระบบ ABS พร้อมระบบ EBD ช่วยกระจายแรงเบรก และระบบเสริมแรงเบรก BA เพิ่มแรงเบรกดันน้ำมันเบรกอัตโนมัติในกรณีเบรกฉุกเฉินเพื่อลดระยะทางเบรกให้สั้นลง มั่นใจได้ทุกสภาวะ ระบบควบคุมการทรงตัว ESC และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS เพิ่มเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ ป้องกันการลื่นไถลขณะออกตัว กล้องมองภาพด้านหลัง (Rear View Camera) แบบ BUILT-IN พร้อมเส้นกะระยะ LANE GUIDE เห็นสิ่งกีดขวางชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน
PASSIVE SAFETY ระบบปกป้องขณะเกิดอุบัติเหตุ โครงสร้างห้องโดยสารแบบพิเศษเสริมด้วยเหล็กกล้า HIGH TENSILE STRENGTH STEEL ผลิตด้วยเทคโนโลยTAILOR WELDED BLANK โดยใช้เหล็กหนาพิเศษมาประกอบเสริม ณ จุดที่ดูดซับแรงกระแทก เพิ่มความแข็งแกร่งปลอดภัย เหล็กกันกระแทกด้านข้าง (SIDE DOOR BEAM) รองรับการชนด้านข้าง เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ทั้ง 7 ที่นั่ง แอร์แบคคู่ (Dual SRS Air Bag) ช่วยลดความรุนแรงต่อผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า โดยทำงานร่วมกับเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ และแกนพวงมาลัยและแป้นเบรกแบบยุบตัวได้ ช่วยลดความรุนแรงขณะเกิดอุบัติเหตุ
เป็นไงครับลองตัดสินใจกันดูนะครับ มีดีแตกต่างกันไป ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก ค่ายรถต่างๆ one2car ซื้อขายรถมือสอง
เรียบเรียงโดยกองบรรณาธิการ
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.