ทางหินๆ…ขับอย่างไรดี ไม่ให้รถพัง
ภูมิประเทศที่เป็นเส้นทางเขาที่แทบจะเป็นหินล้วนๆ ที่พร้อมจะทำลายล้างรถให้เสียหายได้ในพริบตา สิ่งที่สำคัญสุดต้องอาศัยการควบคุมพวงมาลัยและการใช้รอบเครื่องยนต์เป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับผ่านเนินหินต่างๆ สิ่งที่เด่นชัดที่สุด ก็คือ อาการสะบัดไป-มาของหน้ายาง ช่วงล่างจะมีอาการยืดและยุบแบบไขว้กันเป็นเส้นทแยงมุม รถจึงมีอาการคล้ายกับไม้กระดก ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนที่ต่อไปได้
การขับผ่านก้อนหินขนาดใหญ่บนเส้นทางภูเขา ช่วงล่างของรถจะทำงานหนักมากเป็นพิเศษ หากว่าเราใช้ความเร็วสูงเกินไปอาจจะเป็นการทำลายช่วงล่างของรถโดยไม่ตั้งใจ ทางที่ดีควรใช้ WALKING SPEED เพื่อให้ได้แรงบิดสูงสุด พร้อมทั้งเร่งส่งเพียงเบาๆ ในบางจังหวะ โดยที่รอบเครื่องยนต์ไม่สูงเกินไป และที่สำคัญอย่ากำพวงมาลัยจนแน่นควรใช้แรงบีบปานกลางกำเฉพาะวงนอก เพราะพวงมาลัยรถอาจจะตีมือได้ทุกเมื่อ
การขับผ่านโขดหินที่มีขนาดใหญ่จึงควรบังคับให้เหยียบก้อนหินเต็มหน้ายาง ไม่ควรเหยียบแบบหมิ่นเหม่ เพราะหากรถเกิดลื่นไถลตกจากก้อนหิน รวมถึงยางอาจจะหลุดขอบได้เช่นกัน เมื่อรถเกิดแขวนใต้ท้อง ไม่ควรดิ้นเพื่อให้รถหลุด เพราะเท่ากับว่าเป็นการทำลายช่วงล่างรถไปในตัว ควรตรวจสอบดูให้ละเอียดเสียก่อน
หากว่าเพลากลางพาดก้อนหินอยู่แล้วกระชากรถออกไป น้ำหนักรถที่กดเพลากลางอยู่จะทำให้เพลาขาดได้ทันที ควรนำก้อนหินมาวางรองล้อแล้วค่อยๆ ไต่ขึ้นไปช้าๆ จะทำให้สามารถผ่านอุปสรรคนั้นไปได้ หากว่าเราไม่แน่ใจว่าใต้ท้องของรถสูงพอที่จะคร่อมไปได้ ก็ให้เปลี่ยนเป็นการวางตำแหน่งล้อให้ปีนไปเลยจะปลอดภัยกว่า และไม่ควรลืมที่จะลดกระจกข้างลงให้สุด เพราะตัวรถจะสะบัดอย่างรุนแรงจนผู้ขับถูกเหวี่ยงไป-มา อาจจะทำให้ศีรษะฟาดกระจกได้
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย Off Road Magazine
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ Off Road Magazine
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.