ทริปหลงลับแล ที่แม่เฉย…อุตรดิตถ์
เดือนสิงหาคมปีนี้มีวันหยุดยาวหลายช่วง เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนที่เป็นเทศกาลเข้าพรรษา มีเวลาสี่วันเต็มๆ ก็เลยอยากจะหาที่ลุยหนักลุยยาวเที่ยวป่าหน้าฝนสักทริปแต่จนแล้วจนรอดก็ได้แต่ออกไปท่องเที่ยวเส้นทางที่คุ้นเคยอย่าง เส้นทางม่อนล้านกับกลุ่มน้องๆ กลุ่มเอก4wd แทน ซึ่งก็เป็นทริปที่สนุกเร้าใจมากเช่นกัน เหมือนเที่ยวยังไม่อิ่ม พอหลังลงมาจากทริปม่อนล้านรีบโทรหานิวัฒน์และน้องหนุ่ม ชามเซียน สมาชิกจี๊พคลับเชียงใหม่ที่ปักหลักปักฐานทำมาหากินอยู่อุตรดิตถ์มานาน เพราะได้ทราบข่าวมาว่าช่วงนี้ที่อุตรดิตถ์กำลังฮอตเรื่องเส้นทางห้วยแม่เฉย นั่นเอง
“โห…เส้นทางห้วยแม่เฉยนะเหรอลุงหิน มันโหดเอาเรื่องนะ นี่ก็เพิ่งพาพรรคพวกจากกรุงเทพฯสิบกว่าคันไปเที่ยว กลับออกมาเมื่อวานนี่เอง อื้อฮื้อ รถพังไปหลายคันเลยละ จะไหวเหรอครับ” นิวัฒน์ เกริ่นเรื่องเส้นทางให้ฟัง
“ งั้นเสาร์หน้าช่วงหยุดยาววันแม่ ผมขออีกทริปซิครับ ช่วยหาทริปลีดเดอร์ให้หน่อย หรือหากพี่ว่างก็ช่วยพาเข้าไปก็ดีครับ เพราะได้ออกทริปด้วยกันนานแล้ว” ผมด่วนสรุป จนเจ้าถิ่นต้องจำใจรีบรับปากทำทริปให้
เมื่อเจ้าถิ่นเขารับปากจะเจียดเวลาพาเที่ยว ผมก็รีบโทรหาแนวร่วมที่จะไปออกทริปด้วยทันที แต่เนื่องจากส่วนมากยังไม่หายเหนื่อยหายเพลียกระเป๋าจากทริปต้นเดือน จึงทำให้ทริปนี้จากเชียงใหม่มีผมกับ วิเชียร คารีโด้ดอย เพื่อนเกลอคู่หูเพียงสองคันเท่านั้น บ่ายวันศุกร์จึงมุ่งลงไปยังอุตรดิตถ์ทันที เพราะได้รับปากแม่บ้านไว้ว่า จะพาไปทานทุเรียนหลงลับแล ทุเรียนชื่อดังของ อ.ลับแล ถึงใต้ต้นทุเรียนเลยทีเดียว (ไม่งั้นวีซ่าทริปคงไม่ออกแน่ๆ) เหมือนฟ้ารู้ใจคนออฟโรด เมื่อเข้าเขตอุตรดิตถ์ฝนฟ้าก็เทลงมาต้อนรับอย่างหนัก เมื่อมาถึงจึงรีบแจ้งให้เจ้าถิ่นรับทราบถึงการมาของเราทันที โดยบอกว่าจะขอเข้าไปเที่ยวที่แม่พูลก่อน แล้วเช้าวันเสาร์จะลงไปหาในเมือง ตามที่นัดหมายไว้
ลับแล วันนี้ไม่ค่อยจะมีนักท่องเที่ยวมากนัก อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นปลายช่วงของฤดูทุเรียนแล้ว แต่ก็ยังพอมีของอร่อยชื่อดังให้ได้ซื้อหามาชิมได้บ้าง แต่ราคาก็สูงไม่น้อย ไหนๆก็ไหนๆ แล้ว มาถึงเรือนไปเยือนถึงถิ่น ถ้าไม่กินก็ต้องรอถึงปีหน้าโน่นเลย แพงก็แพง(วะ) เลยหม่ำไปซะหลายลูก รวมทั้งทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองที่ขายเป็นกองอีกสองสามลูก อร่อยทั้งนั้น
ก่อนออกจากตลาดผลไม้แม่พูล ก็ซื้อตุนไว้อีก แล้วมุ่งหน้าสู่ดอยผมมุบ ภูเขาใหญ่ที่เป็นสันเขาป่าต้นน้ำแม่พูล เพื่อนขึ้นไปนอนชมวิว กินบรรยากาศป่าเมืองลับแล เส้นทางขึ้นสู่ยอดเขาเป็นทางดำไม่กว้างไม่แคบ พอดีๆ ที่รถจะพอสวนกันได้ สองข้างทางเป็นสวนผลไม้ ที่มีทุเรียนและลองกองเป็นไม้หลักอยู่ตลอดทางตั้งใจไว้ว่าจะไปนอนที่เนินสว่างของ อำนาจ ออฟโรดเจ้าถิ่นอีกคนหนึ่ง ที่พอจะรู้จักกัน แต่เป็นเพราะว่าขึ้นไปเย็นเกินไป หมอกก็ลงจัดจนไม่เห็นทาง ทำให้ต้องค่อยๆ ขับไปถามชาวบ้านที่ขับมอไซค์สวนทางมาไปเรื่อย แต่สุดท้ายก็ต้องมาหยุดพักแรมกันที่จุดชมวิวสวนป้าสมเด็จเท่านั้นเอง ที่นี่เป็นจุดพักแรมที่น่าประทับใจบรรยากาศเย็นสบายคล้ายบนเขาเชียงใหม่ เจ้าของสถานที่มีอัธยาศัยไมตรีดีมาก
รุ่งเช้ารีบพากันทัวร์สวนทุเรียน ลองกอง ของป้าสมเด็จ พาแม่บ้านไปเก็บที่สุกคาต้น ทานทุเรียนถึงโคนใต้ต้นทุเรียนตามสัญญาไว้ ก่อนจะขับลงไปหาเพื่อนที่นัดหมายกันไว้ที่หน้าบ้านนิวัฒน์ใกล้แยกวังสีสูบ
เส้นทางแม่เฉย–ขุนแม่ฝาง
ที่จุดนัดหมายมีเพื่อนออฟโรดเจ้าถิ่นมาคอยต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว 5 คัน ทักทายแนะนำตัวกันตามธรรมเนียมปฏิบัติ นิวัฒน์ บอกว่าทริปนี้ให้ เสริม วังสีสูบ เจ้าของรถนิสสันแผททัล สีขุ่น เป็นทริปลีดเดอร์ เพราะรู้จักเส้นทางเป็นอย่างดี ส่วนนิวัฒน์ จะตามไปสมทบหลังเที่ยงพร้อมเพื่อนกลุ่มที่สอง
จากแยกวังสีสูบบนทางหลวงหมายเลขที่ 11 เราขับขึ้นไปทางทิศเหนือ เลยตลาดขายผลไม่ริมทางบ้านแม่เฉยไปนิดหน่อย แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่เส้นทางออฟโรดที่ปากทางบ้านน้ำไคร้ ผ่านหน้าโรงเรียนแล้วแยกซ้ายเข้าสู่เนินรับแขกที่เป็นเนินหินลอยและดินลูกลัง
ทริปลีดเดอร์ปั่นกระโจนกรุยหินลอยก้อนโตนำไปได้แค่ครึ่งเนิน งานเข้าทันที ฝนที่ตกมาเมื่อก่อนหน้าเรานิดหน่อยทำให้ดินเหนียวสีแดง ลื่น เละ แทบเดินล้ม รถลีดเดอร์เฉไถลลงไปติดอยู่ที่ร่องน้ำข้างทาง ปั่นเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น ต้องวินช์ที่จุดนี้เป็นวินช์แรก คันหลังๆ ที่ตามมาต้องอัดมาแรงๆ ตั้งแต่ตีนเนินจึงผ่านไปได้แบบน้ำย่อยขึ้นคอ
หลังจากนั้นสภาพเส้นทางแคบ ไต่ระดับสูงขึ้นไปเรื่อย สองข้างทางเป็นป่าไม้ไผ่ มีหลุม ร่องน้ำดักบ้างพอสนุก ไม่ยากไม่ง่าย รถคันไหนไม่ทันระวัง เผลอไหลตกร่องน้ำก็ช่วยกันวินช์ เป็นระยะๆ ผมเองก็เผลอกระโจนข้ามเนินกองดินที่สไลด์ทลายลงมาขวางทางไว้ ไม่ทันมองที่แท้ด้านขวาก็เป็นเหวลึกไร้ต้นไม่ใหญ่รองรับ ผลก็คือ ขวางลำทันทีโดยมีล้อหลังขวาตกขอบทางปากหุบเหว เพื่อนอยู่คันหน้ารีบจอดรถมาช่วยเหลือ ดึงวินช์ให้ ส่วนคารีโด้ดอย คอยต๋งหลังอีกทีหนึ่ง เกือบแล้วซะมั้ยละเรา
จากสันเขาทางเริ่มเป็นทางลงสู่ลำธาร ทุกคันต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ทางดินหนังหมู่ที่นี่มันช่างลื่นได้ใจดีแท้ ไม่นาน เสริม วังสีสูบ แจ้งมาทางวอว่าคันหลังอย่าพึ่งรีบลงมา รถพี่แกตะแคงตกร่องอีกแล้ว ทางลงเขาหักศอกทางเทเอียงขวามีร่องน้ำลึกคอยดักอยู่ เมื่อช่วยกันกู้รถลีดเดอร์แล้วจึงค่อยๆ ช่วยกันนำรถลงไป ทั้งโหนทั้งวินช์ จึงผ่านจุดนี้ไปได้แบบเฮฮา
ขับเพลิน วินช์เพลิน นาฬิกามันเดินถึงบ่ายสอง ท้องมันร้องหาอาหาร เมื่อมาถึงลำธารแรกจึงหยุดพักรถพักคน รถใครมีปัญหาก็รีบแก้ไขก่อนลุยกันต่อไป ผมก็คิดว่าต่อจากนี้คงเป็นทางแบบเรื่อยๆไปเรียงๆ ซะอีก ที่ไหนได้ ที่แท้ความมัน มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง
ทริปลีดเดอร์จอมลุยบอกกับผมว่า จากที่นี่ถึงที่จะพักแรมยังอีกไกลต้องรีบทำเวลาหน่อย ผ่านห้วยแรกไปห้วยที่สองก็ต้องวินช์กันอีกแล้ว เมื่อทางที่เบียงหลบลำห้วยเป็นบ่อโคลนเละลึก ร่องรอยของกลุ่มที่มาเมื่ออาทิตย์ก่อนหน้านี้ยังหลงเหลือให้เห็นอยู่ ผ่านบ่อโคลนไปได้แค่สามร้อยเมตรมีร่องวีเละๆ ดักรออยู่อีกทอดหนึ่ง
กว่าจะผ่านสองจุดนี้มาได้ เวลาของกลางวันก็ชักน้อยลงไปทุกที รถจี๊ปวิลลี่ของ หนุ่ม ชามเซียน ปล่อยควันดำโขมงทุกบ่อทุกเนิน เล่นเอาผมที่ขับตามหลังมองแทบไม่เห็นทาง ส่วนรถของผู้นำทางที่เล่นแรงๆ ทุกช๊อตก็คันส่งคดงอ เลี้ยวไม่ไป ต้องซ่อมไปขับไป ยิ่งเนินสุดท้ายก่อนเขาหัวโล้นนั้น ทั้งชันทั้งลื่น กว่าจะขึ้นกันครบจนบรรจบยอดเขาที่โล่งเตียน แทบไม่เหลือแสงให้เก็บภาพบนยอดเนินนี้เอง เราพบช่างไพรที่ขับมารอคอยเราอยู่ก่อนแล้ว ผมรีบขอให้คณะตั้งแถวรถเพื่อเก็บภาพหมู่ก่อนตะวันลงลับไปกับขอบฟ้าสีอึมคลึม
ขณะที่ผมกำลังเก็บภาพอยู่ คล้ายได้ยินเสียงรถยนต์ดังอยู่บนเขาที่เราผ่านมา ผมรีบใช้วอแดงสื่อสารเรียกไปหา เสียงที่ตอบมาว่ากลุ่มนิวัฒน์และวินัย กำลังตามมาห่างๆ แต่ตอนนี้รถของวินัยมีปัญหา ปั้มเพาร์เวอร์พวงมาลัยแตกกระจาย ต้องค่อยๆ ขับประคองลงเขามา และแจ้งให้ผมไปตั้งแค้มป์ที่หน่วยปลูกป่าคอยจะตามไปสมทบที่นั่น
ลงจากยอดเขาหัวโล้นลงมาพร้อมกับความมืด ระยะทางจากยอดเขาถึงหน่วยฯปลุกป่าประมาณสิบกิโลเมตรนั้น ความลื่นของเส้นทางทำเอาผมขวางลำแทบกลิ้งหลายครั้ง สุดท้ายก็มาถึงที่หมายอย่างปลอดภัยกันทุกคน
ช่างเสริม และช่างไพร บอกให้ผมกางเต็นท์นอนคอยชุดหลังอยู่ที่นี่ ส่วนที่เหลือจะกลับออกไปหลังทานอาหารเย็น ผมก็คิดว่าเหมาะดีเหมือนกัน อยากกางเต็นท์นอนพักแรมนี่เลย เป็นห่วงชุดหลังที่ตามเหมือนกัน ระยะห่างจากชุดผมกับชุดหลังคงมากไม่น้อย เพราะว่าผมพยายามเรียกทางวิทยุสื่อสารตัวแรงของผมเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ
หลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จ 2 ทุ่มกว่า วิเชียรเพื่อนเกลอจอมลุยของผม มีอาการป่วยไม่สู้ดีนัก แกบอกว่าหายใจไม่ค่อยออก เอาละสิงานเข้าอีกแล้ว บางคนแซวว่าไปทำอะไรแผลงๆ มารึเปล่า ลบหลู่เจ้าที่เจ้าทางมารึเปล่า แกบอกว่าเริ่มเป็นแบบนี้ตั้งตอนอาหารเที่ยวแล้ว สงสัยโรคกระเพาะกำเริบ น้ำกลดไหลย้อนมาจุกที่ลำคอ
ในรถก็ไม่มียาใดๆ นอกจากยาหม่อง ยาลมแผนโบราณ หลังจากเห็นเขามีอาการดีขึ้นนิดหน่อยจึงชวนกันออกจากป่ามาทั้งคืน เกรงว่าหากมีอะไรก็ใกล้หมอไว้ก่อน สุดท้ายกลับเป็นช่างไพรและเพื่อนที่ต้องอยู่รอชุดหลังกลุ่มของนิวัฒน์และวินัย ที่จะตามมาหาที่หน่วยฯปลูกป่านั่น
นั่นคงเป็นการรอคอยที่นานมาก เพราะกว่าที่ชุดหลังจะออกจากร่องวีมาถึงหน่วยฯปลูกป่าได้ ก็เป็นเวลาเย็นของวันอาทิตย์แล้ว ระยะทางห่างกันยี่สิบกว่ากิโลเมตร สำหรับรถที่พร้อมทั้งคนและรถยังเหนื่อยจนจุกอก แล้วรถที่มีปัญหาละ ถ้าไม่มีความร่วมมือจากผู้ร่วมทริป ยากที่จะออกจากป่าแห่งนั้นได้แบบง่ายๆ ความสามัคคีของกลุ่มผู้ร่วมทริป การช่วยเหลือกันซึ่งและกันเท่านั้นที่จะทำให้ท่องเที่ยวแบบออฟโรดประสบความสำเร็จได้
ทริปนี้ขอขอบคุณเพื่อนออฟโรดเจ้าถิ่นทุกท่าน ที่กรุณานำผมเข้าป่าช่วยเหลือผมตลอดเส้นทางที่สวยงาม และสนุกเร้าใจแห่งนี้ แล้วสักวันผมจะกลับไปรีเทิร์นทริปใหม่ ครานี้จะออกกันตั้งแต่เช้าเลย และพักแรมตาดน้ำตกให้ได้ครับ
ข้อมูลเส้นทาง
ทริปนี้เข้าที่ปากทางบ้านน้ำไคร้ ต.บ้านด่านนาขาม ออกที่บ้านขุนฝาง ต.ขุนฝาง อ.เมืองอุตรดิตถ์
ทางแห่งนี้เป็นเส้นทางปลูกป่าเก่า ข้างในป่ามีทางแยกมากมาย ควรมีผู้ชำนาญทางเป็นนำทริป รถควรมีสภาพที่พร้อมลุยอยู่เสมอ ส่วนการเริ่มเข้าสู่เส้นทางนั้นเข้าได้ทั้งสองทาง(ทางเข้า –ทางออก)จะเริ่มจากจุดไหนก่อนก็ได้ หากจะแสวงหาความมันต้องเป็นหน้าฝน หากต้องแบบสบายๆ ต้องเป็นช่วงฤดูหนาวครับ
นายหิน เอ้าท์ดอร์ เรื่อง/ภาพ
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.