ตะลอน เลาะลัดไปรอบป่าดงพญาเย็น จากเหวอีอ่ำ ถึงต้นบังเอิญ สู่ทุ่งบังเอิญ แล้วไปทะลุแก่งลานหินดาด
ทริปออฟโรดเล็กๆ กับคนรู้ใจกลุ่มเล็กๆ ได้นัดหมายกัน 7 คัน กับอีกกว่า 10 ชีวิต ครั้งนี้เราจะพาท่านผู้อ่านไปท่องดินแดนมรดกโลกทางธรรมชาติ สูดกลิ่นอายแห่งผืนป่าใหญ่ สัมผัสสายหมอกยามเช้า คลุกเคล้าสายน้ำไหลเย็นของน้ำตกใหญ่ ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ (ขญ.11 คลองเพกา) ของอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของเมืองไทย นั่นก็คือ เขาใหญ่ ทางฝั่ง จ.ปราจีนบุรี ซึ่งผมอยากจะบอกว่า นี่เป็นอีกหนึ่ง Unseen ของชาวออฟโรด ที่มีป่าสวยๆ ใกล้กรุง อย่างคาดไม่ถึง และไม่ค่อยมีกลุ่มใดเข้ามาเยี่ยมเยือน
จริงๆ แล้วผืนป่าใหญ่แห่งนี้ หากเรามีการขออนุญาตที่ถูกต้อง ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่(ขญ.11 คลองเพกา) อย่างเป็นทางการ ก็สามารถเข้าไปท่องเที่ยวได้ เขาไม่ได้กีดกันหรือปิดกั้นเสียทีเดียว อย่าเข้าไปโดยพลการ ทั้งนี้การได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับฤดูกาลหรือฟ้าฝนด้วย เนื่องจากสภาพป่าด้านในนั้น ถือมีความสมบูรณ์สุดขีด แต่ธรรมชาติค่อนข้างเปราะบาง ดังนั้นการเดินทางเข้าไปท่องเที่ยว จึงต้องให้ความเคารพสถานที่เป็นหลัก อย่าท่องเที่ยวหรือขับรถด้วยความคึกคะนอง
อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพเส้นทางที่เป็นเขาสูงชัน ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร หากว่าไม่เดินเท้าเข้าไป ก็ต้องอาศัยเครื่องทุ่นแรงอย่างรถมอเตอร์ไซค์วิบาก ATV และรถออฟโรด ที่มีสมรรถนะพร้อมๆ และคนขับที่มีประสบการณ์สักหน่อย ก็สามารถเข้ามาท่องธรรมชาติได้แล้วครับ
พวกเรารวมตัวกันที่จุดนัดหมายที่บ้านหลังเล็กๆ ท่ามกลางต้นไม้ร่มรื่น กลางไร่ของ บอลล์ ( ไพชยนต์ วงศ์ชอุ่ม) พร้อมกับเพื่อนๆ กลุ่ม JEEP UNITY CLUB (โคกกรวด) ซึ่งเป็นผู้ชักชวน และประสานงานขออนุญาตเข้าพื้นที่อย่างเป็นทางการ พวกเราจัดขบวนมุ่งหน้าสู่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ (ขญ.11 คลองเพกา) เพื่อรับเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ ซึ่งจะเดินทางไปกับเราด้วยตามกฎระเบียบ และเพื่ออำนวยความสะดวกในการนำทางท่องเที่ยว ซึ่งเราก็สบายใจด้วย เพราะเจ้าหน้าเขาจะได้เห็นว่าการที่เราเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวนั้น ก็เพื่อสันทนาการและพักผ่อนหย่อนใจจริงๆ มิได้มีเจตนาอะไรแอบแฝง หรือเข้าไปขับรถเที่ยวเพื่อความสนุก สะใจ
หลังรับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้าออกจากหน่วยฯ เพื่อเดินทางขึ้นไปยังน้ำตกทันที เพื่อจะได้มีเวลาสัมผัสกับสายน้ำตกอันยิ่งใหญ่ของเหวอีอ่ำ สมกับที่ทุกคนอุตส่าห์ดั้นด้นมา
แน่นอนว่าจะเป็นทางดินธรรมชาติล้วนๆ สลับกับไหล่เขาสูงชัน และจะลาดชันยิ่งขึ้น เมื่อใกล้ถึงที่ราบบนสันเขา ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร เส้นทางเป็นทางออฟโรดเต็มรูปแบบครับ มีทั้งขึ้นเนินชันยาว โค้งหักศอก ร่องลึก หลุมสลับ แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป เนื่องจากเป็นเส้นทางที่เจ้าหน้าที่ใช้งานอยู่ประจำ เลยมีการเทคอนกรีตแนวร่องล้อไว้เป็นบางช่วง เพื่อความสะดวกในช่วงของการเข้าไปตรวจป่าในช่วงฤดูฝน หากไม่มีทางคอนกรีต ช่วงที่เราเดินทางไปนี้ เป็นฤดูฝนเต็มๆ เราก็คงเหนื่อยกว่านี้อีกเท่าตัว และเส้นทางนี้ก็ถือว่าขับขี่สนุกพอสมควร แต่สำหรับบรรดาขาป่าที่ผ่านศึกเหนือ เสือใต้ มาอย่างโชกโชน ถือว่าไม่ได้สร้างความยุ่งยากให้กับพวกเขาเท่าใดนัก
ไม่มากไม่น้อยกับรถแค่ 7 คัน ที่ได้รับการตกแต่งมาแบบพร้อมๆ เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมง ก็ขึ้นสู่ยอดเขาอันเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไพศาล ถึงตรงนี้เราต้องสละรถคู่ชีพของเราชั่วคราวครับ เพราะจากนี้ไปเราจะต้องเดินเท้าเข้าไปยังน้ำตกเหวอีอ่ำ และต่อเนื่องไปยังลานหินต้นบังเอิญ ซึ่งเป็นลำน้ำใหญ่ที่ไหลลงไปสู่น้ำตกทุ่งบังเอิญข้างล่าง เจ้าหน้าที่อุทยานฯนำทางพาเราเดินเท้าผ่านทุ่งหญ้าประมาณ 2 กิโลเมตร เราได้ยินเสียงน้ำตกกระโจนตกลงหุบแก่งหินด้านล่าง เป็นเสียงกระหึ่ม เจ้าหน้าที่พาเราเดินท่องเที่ยวธรรมชาติ และเล่นน้ำตกกันประมาณ 1 ชั่วโมง ก็เดินทางกลับ โดยมีเส้นทางเดินเท้าเป็นวงกลม นี่ถ้ามาเองก็คงมีการเดินหลงทางกันบ้างล่ะครับ
พวกเราเดินเท้ากลับมาที่จุดพักกางเต็นท์ บริเวณลานสนามหญ้าข้างธารน้ำตกเหวอีอ่ำ ซึ่งธารน้ำจะไหลลงสู่น้ำตกใหญ่ในหุบเหวข้างล่าง ซึ่งถือว่าเป็นน้ำตกขนาดกลางค่อนไปทางใหญ่หากเทียบกับน้ำตกทั่วๆ ไป และสวยงามแห่งหนึ่งของเมืองไทย น้ำตกแห่งนี้เป็นที่นิยมของนักเดินป่า และช่างภาพธรรมชาติ ซึ่งยังคงมีความเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ลานหิน ลำธารน้ำที่สวยงาม ถูกเติมแต่งด้วยพันธุ์ไม้ดอกละลานตา โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนไปจนถึงฤดูหนาว และที่สำคัญสามารถเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
ค่ำคืนนี้เราทำอาหารง่ายๆ สไตล์แคมปิ้ง โดยที่บรรดากระทาชายนั่งล้อมวงสังสรรค์ ละเมียดละไมอยู่กับเครื่องดื่มเบาๆ แสงระยิบระยับจากดวงดาวบนท้องฟ้ายังคงส่องแสงให้เราเห็นบ้างเป็นระยะ ท่ามกลางเมฆฝนกับเสียงหรีดหริ่งเรไร เสียงใบไม้ ผสมกันเป็นเสียงเพลงจากธรรมชาติ ที่ขับกล่อมตลอดคืน แน่นอนครับกับบรรยากาศแบบนี้ หาไม่ได้ในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยแสง สี พวกเราควรหาเวลาหลีกหนีความวุ่นวายของสังคมเมือง ดำเนินชีวิตลดการปรุงแต่งจากวัตถุนิยม หันกลับมาพึ่งพิงธรรมชาติ
และแสดงความอ่อนน้อมต่อธรรมชาติ เพื่อกล่อมเกลาจิดใจ เพื่อให้โลกที่สวยงามใบนี้คงอยู่ตลอดไป
การเดินทางสู่น้ำตกเหวอีอ่ำ การเดินทางสู่น้ำตกเหวอีกอ่ำ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำเภอประจันตคาม เมื่อเราเดินทางมาถึงสี่แยกวงเวียนนเรศวร ให้เลือกใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 33 มุ่งหน้าประจันตคาม-กบินทร์บุรี วิ่งมาไม่ไกลมากนัก จนมาถึงบริเวณหลัก กม.ที่ 173 บ้านหนองหัวลิง จะมีทางแยกซ้ายเข้าน้ำตกธารทิพย์ ตรงเข้าไปราว 6 กม. ถึงหน่วยฯ ขญ.11 คลองเพกา ต่อจากนั้นจะเป็นที่ตรงไปน้ำตกธารทิพย์ เลยหน่วยฯ ไปไม่กี่ร้อยเมตร ก็พบทางแยกซ้ายมือ เข้าไปยังน้ำตกเหวอีอ่ำ สมัยก่อนเส้นทางน้ำตกแห่งนี้ ต้องเดินป่าขึ้นเขาไปเท่านั้น แต่วันนี้ได้มีเส้นทางปลูกป่าบนพื้นที่ราบสูงบริเวณน้ำตก มีลักษณะเป็นทุ่งหญ้าคากว้างใหญ่ ทางกรมป่าไม้จึงได้ปลูกป่าขึ้นมาทดแทน จึงมีเส้นทางรถยนต์ขับขึ้นไปบริเวณน้ำตกได้เลย ก่อนจะเข้าไปน้ำตกควรติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ที่หน่วย ฯคลองเพกา เนื่องจากน้ำตกนี้ยังไม่ได้ประกาศเปิดการท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ ผู้ที่ต้องการเข้าไปศึกษาธรรมชาติสามารถติดต่อขออนุญาตเข้าไปเที่ยวชมได้ ซึ่งต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางไปด้วย
ขอขอบคุณบอลล์ (ไพชยนต์ วงศ์ชอุ่ม) พร้อมกับเพื่อนๆ กลุ่ม JEEP UNITY CLUB (โคกกรวด) ที่ประสานงานนำพาพวกเราเข้าไปท่องเที่ยว
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.