จัดเต็ม จัดหนัก กับการรีดสมรรถนะที่แท้จริง ของ Toyota Hilux Revo ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต
เมื่อเร็วๆ นี้ ทาง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย (จำกัด) ได้เชิญสื่อมวลชนไปร่วมทดสอบ Toyota Hilux REVO ที่สนามแข่งรถช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ พร้อมทั้งปรับพื้นที่รอบๆ สนามแข่งขันให้กลายเป็นสถานีออฟโรดหฤโหด เพื่อทดสอบสมรรถนะแบบ 4 ล้อของ Toyota Hilux Revo
Toyota Hilux Revo ใหม่นี้ ถือว่าเป็นสุดยอดรถกระบะแห่งยุค ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ยกเอาความเป็นสุดยอดเทคโนโลยีต่างๆ ของรถหรูร่วมค่าย ทั้ง Toyota Prado, Lexus, Prius และ Camry มาใส่เอาไว้ในหนึ่งเดียว จนเปลี่ยนไปจากรุ่นพี่อย่าง Hilux Vigo อย่างชัดเจน โดยเฉพาะระบบต่างๆ เริ่มตั้งแต่
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control ที่ช่วยป้องกันการเกิดอาการล้อหมุนฟรี ระบบควบคุมการทรงตัว VSC – Vehicle Stability Control เมื่อขับเข้าโค้งบนผิวถนนที่เปียกลื่น ระบบควบคุมการส่ายของพ่วงท้าย TSC – Trailer Sway Control ช่วยรักษาเสถียรภาพของตัวรถป้องกันอาการส่าย หรือเสียการทรงตัว ระบบควบคุมความเร็วขณะขับขึ้นทางลาดชัน HAC – Hill -start assist Control ระบบ HAC จะเพิ่มแรงดันเบรกแบบอัตโนมัติไปยังล้อทั้ง 4 เพื่อป้องกันอาการลื่นไถลลงเนินชันในจังหวะที่ผู้ขับถอนเท้าออกจากแป้นเบรกเพื่อเหยียบคันเร่ง ระบบควบคุมความเร็วขณะขับลงทางลาดชัน DAC Downhill Assist Control เป็นต้น
ในส่วนของเครื่องยนต์ใหม่ก็มีตั้งแต่ ระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบแปรผันใหม่ VN Turbo มีขนาดเล็กลงแต่มีประสิทธิภาพมากขึ้น กลไกควบคุมการเปิด-ปิด ของครีบกังหันเทอร์ไบน์ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ชุดเทอร์โบย้ายจากบริเวณกลางเครื่องมาอยู่ด้านหน้าเพื่อการระบายความร้อนที่ดีขึ้น เปลี่ยนหัวฉีดแรงดันสูงมาเป็นหัวฉีดแบบไดเรคอินเจคชั่น พร้อมด้วยแรงดันในระบบมากถึง 220 MPa ยังมี Roller Rocker Arm with Valve Lash Adjuster ออกแบบมาเป็นพิเศษ ลดแรงเสียดทานระหว่างเพลาลูกเบี้ยวและกระเดื่องวาล์วในจังหวะของการเปิด-ปิดวาล์ว พร้อมระบบปรับตั้งวาล์วแบบอัตโนมัติ และเพิ่ม EGR Exhaust Gas Recirculation ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยระบบนำไอเสียแบบหมุนวนกลับมาใช้ใหม่ ระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ Stop – Start System เมื่อรถหยุดนิ่งอยู่กับที่ ระบบจะตัดการทำงานของเครื่องยนต์ลงชั่วขณะ และจะทำการสตาร์ตเครื่องยนต์แบบอัตโนมัติอีกครั้งเมื่อผู้ขับยกเท้าออกจากแป้นเบรกไปที่แป้นคันเร่ง ช่วยประหยัดเชื้อเพลิง
ส่วนเกียร์นั้น มีทั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 Speed เพิ่มระบบ iMT ช่วยทำให้การเปลี่ยนเกียร์ขึ้น-ลง ราบลื่นในทุกจังหวะ เพิ่มสวิตช์ปรับรูปแบบของการขับขี่ Drive Mode Switch เลือกการขับได้ตามความต้องการ ทั้งแบบประหยัด ECO Mode และแบบสมรรถนะสูง หรือ Power Mode ตอบสนองต่อทุกสภาพเส้นทาง และที่สำคัญในรุ่น 4×4 หันมาใช้สวิตช์ปรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อไฟฟ้า Shift on The Fly 4WD Switch ช่วยทำให้การปรับระบบขับเคลื่อนจาก 2 ไปเป็น 4 ล้อ มีความสะดวกรวดเร็วและง่ายดายขึ้น
ระบบช่วงล่างเป็นแบบ Dynamic Control Suspension ออกแบบใหม่หมดไล่เรียงจากแชสซีส์ แท่นเครื่องแท่นเกียร์ แหนบ สปริง โช้คอัพ เพื่อการตอบสนองต่อการใช้งานที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น แข็งแกร่ง และทนทาน โดยระบบกันสะเทือนแบบใหม่ New Suspension System พัฒนามาจาก SUV ระดับบนของ โตโยต้า ตัวแหนบถูกออกแบบให้มีความยาวเพิ่มขึ้น ซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี และให้ความนุ่มนวลมากกว่ารถคู่แข่ง ระยะห่างของแหนบซ้าย-ขวา ถูกยืดออกให้กว้างมากกว่าเดิม เพิ่มเสถียรภาพของการทรงตัวทั้งในแนวเส้นตรงขณะเข้าโค้ง รวมทั้งโช้คอัพมีแกนและขนาดที่โตขึ้น
เพื่อให้เห็นถึงสมรรถนะที่แท้จริงของ Hilux Revo ครั้งนี้ ทางโตโยต้า แบ่งออกเป็น 3 สถานีด้วยกัน โดยสถานีที่ 1 ทดสอบการวิ่งและการทรงตัวของ Toyota Hilux Revo ในรุ่น Smart Cab ในสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต รวมทั้งระบบ iMT ช่วยทำให้การเปลี่ยนเกียร์ขึ้นลงอยู่ในรอบเครื่องที่มีความสัมพันธ์สูงสุด และราบลื่นในทุกจังหวะของการเปลี่ยนอัตราทด โดยใช้การวางตำแหน่งของกรวยยางสีส้มรอบสนามช้าง มีทั้งจุดที่ต้องวิ่งซิกแซ็กแบบสลาลอม การเปลี่ยนเลนกะทันหัน ทดสอบระบบช่วงล่างและการบังคับเลี้ยว หรือ การทดสอบ Lane Change การผ่านโค้งอย่างต่อเนื่องที่ย่านความเร็วต่างๆ ตลอดจนทดสอบอัตราเร่ง ซึ่งถือว่าทั้งอัตราการเร่ง Hilux Revo Smart cab ทำได้ดีอย่างไร้ที่ติด แตกต่างรุ่นก่อนๆ ค่อนข้างชัดเจน
สถานีที่ 2 เป็นการขับในเส้นทางแบบออฟโรด โดยจำลองอุปสรรคต่างๆ ในธรรมชาติมาเป็นด่านทดสอบสมรรถนะของ Hilux Revo โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นบ่อโคลน เนินชันขึ้น-ลง ลาดชัน เนินเอียง ระนาดซุง ทดสอบในเรื่องของแรงบิด ระบบ HAC – Hill -start assist Control ระบบ HAC จะเพิ่มแรงดันเบรกแบบอัตโนมัติไปยังล้อทั้ง 4 เพื่อป้องกันอาการลื่นไถลลงเนินชันในจังหวะที่ผู้ขับถอนเท้าออกจากแป้นเบรกเพื่อเหยียบคันเร่ง และระบบควบคุมความเร็วขณะขับลงทางลาดชัน DAC Downhill Assist Control เป็นต้น ในสถานีนี้ต้องยอมรับว่า ผู้ขับขี่มีหน้าที่จับพวงมาลัยอย่างเดียว ที่เหลือรถเป็นผู้ทำให้เองเกือบทั้งหมด เนื่องจากแรงบิดมหาศาล มันสามารถพารถทะยานผ่านอุปสรรคไปได้แบบไม่ยากเย็นนัก ก็ต้องยอมรับว่า สำหรับรถ 4×4 แล้ว ยังหาตัวจับรถจากค่ายนี้ยาก
ส่วนสเตชั่น 3 เป็นการอธิบายรายละเอียดของอุปกรณ์ การทำงานของเครื่องยนต์ ชุดส่งกำลัง ระบบขับเคลื่อน แชสซีส์และระบบรองรับการขับขี่ที่ติดตั้งมาให้ใน Hilux REVO โดยอาจารย์มนัส ดาวมณี
วันสุดท้ายเป็นการขับทดสอบใช้งานจริงบนถนนทางหลวง เส้นทางบุรีรัมย์-กรุงเทพมหานคร ระยะทาง 383 กิโลเมตร ด้วยรถ Toyota Hilux REVO หลากหลายรุ่น มากกว่า 20 คัน วิ่งตามกันแบบสบายๆ มุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ ถือเป็นการทดสอบการยึดเกาะถนน ความสะดวกสบายกับอุปกรณ์ภายในต่างๆ รวมทั้งอัตราการเร่งในช่วงการขับปกติและจังหวะแซง อัตราเร่งทันอกทันใจแม้จะอยู่ในตำแหน่งเกียร์สูง เนื่องจากแรงบิดที่เพิ่มขึ้นของเครื่องยนต์ทั้ง 2.8 ลิตร และ 2.4 ลิตร ทำให้ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ และที่สำคัญกับการเพิ่มโหมด ECO และ SPORT มาให้ รวมทั้งความนุ่มนวลของระบบช่วงล่าง ความสะดวกสบาย และเทคโยลีที่ใส่มาให้แบบไม่มีกั๊ก ตลอดจนการยึดเกาะถนนที่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ในทุกย่านความเร็ว
โตโยต้าจัดมาให้แบบเต็มๆ ในทุกรุ่นแบบนี้ Hilux Revo น่าจะถูกใจคอรถกระบะเมืองไทย และสาวกชาวสามห่วงได้ไม่ยาก
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.