จัดหนัก JEEP GRAND CHEROKEE WJ V8 4,700 ซี.ซี.

เจเนอเรชั่นที่ 2 แห่งการพัฒนาสำหรับ CHEROKEE ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999-2004 ซึ่งมันก็ยังต่อเนื่องไปอีกหลายรุ่นจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ถ้ามองภาพรถยนต์ที่ขวักไขว่อยู่บนถนนในช่วงสายตาของคุณจะต้องได้พบกับตัวลุยอย่าง JEEP ผ่านขนตาของคุณไปบ้างสักคนอย่างไม่ยากเย็น ทั้งที่ตัวมันไม่ได้เป็นรถที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานที่ง่ายในภาพรวม แต่ด้วย DNA ของมันทำให้ตัวมันเจอกับอะไรก็ได้มันพร้อมตอบสนอง
ด้วยเหตุนี้เองมันจึงเป็นรถยนต์ที่ยังได้รับความนิยมเรื่อยมา พื้นฐานการเป็น SUV ที่สมบูรณ์แบบทำให้ตัวรถเดิมๆ มันก็พุ่งทะยานไปไกล เหมือนดาวรุ่งพุ่งสู่ใจกลางของผู้ชอบความบึกบึน แต่ส่วนหนึ่งคิดว่าที่มันได้รับความนิยมก็เพราะว่ามันไม่ใช่รถตลาดแบบเยอะ ต้องเป็นคนที่พร้อมและทำใจมาแล้วในการเลือกใช้งานว่าคุณจะเดินทางนี้ มันถึงจะเข้ากับวิถีชีวิตที่คุณต้องการได้อย่างเหมาะสมที่สุด
เขาว่ากันเอาไว้ว่าถ้าในการมองรถจากฝั่งยุโรปหรืออเมริกา ในส่วนต่างๆ
ทั้งการออกแบบหรือแม้แต่เทคโนโลยีที่มีให้มันจะยังคงทันสมัยอยู่ต่อไปอีกประมาณทศวรรษถ้าเทียบกับรถจากอีกซีกโลก การไล่เรียงส่วนประกอบของตัวรถซึ่งบางครั้งมันก็ดูเป็นเรื่องที่หมกมุ่นไปหน่อย แต่อย่างน้อยมันก็จะทำให้เราเห็นได้ว่า มันอาจจะจริงอย่างที่เขาว่าหรือพูดกันมาก็เป็นได้

SHOW OFF…..ลวดลายแบบรุ่นใหญ่

CHEROKEE คันนี้ตัวของมันอยู่ในช่วงปี 2002 ซึ่งเอกลักษณ์ของตัวรถในช่วงปีนี้จะมีการลบเหลี่ยมมุมลงไปค่อนข้างมากถ้าเทียบกับในรุ่นปีก่อนหน้า พร้อมทั้งมันยังใส่น้ำหอมในการออกแบบเข้าไปให้ตัวรถดูมีความทันสมัยมากขึ้นในความบึกบึนที่มันเป็นและมีอยู่ จุดเด่นของกระจังหน้าสี่เหลี่ยมแนวตั้งหลายช่องเรียงตัวกันอยู่เต็มพื้นที่ คือสิ่งที่ชัดเจนในเรื่องของการใช้งานเพราะนอกจากเอกลักษณ์ในการออกแบบแล้วความต้องการกระแสลมจำนวนมากที่ไหลเข้าสู่ห้องเครื่องยนต์นั่นต่างหากที่มันคือการเพิ่มเติม เพราะไม่เพียงแต่มันจะถูกใช้ในเมืองอากาศหนาวเย็น  อีกแล้ว มันยังต้องก้าวไปสู่เส้นทางทั่วโลก การมีช่องทางเดินอากาศแบบนี้ก็คือสิ่งที่มันต้องการ
ด้วยรูปโฉมการลบเหลี่ยมออกไปและทำให้มันดูทันสมัยในช่วงเวลาของการออกแบบนั้น เมื่อมันถูกจับให้เป็นนายแบบตัวลุย ซึ่งมันมีโจทก์ของการใช้งานจริงเข้ามาเป็นปัจจัย การเพิ่มเติมและปรับปรุงในจุดที่เป็นโป่งล้อแบบไฟเบอร์ขนาดใหญ่ เพิ่มพื้นที่ของการให้ตัวช่วงล้อและโป่งซุ้มล้อขึ้นไปอีก การติดตั้งแบบเย็บติด ตัวถังและพื้นผิววัสดุแบบด้านหนาสีดำก็ส่งเสริมภาพลักษณ์แบบรุ่นใหญ่ให้มันชัดเจน เช่นเดียวกับความโหดอย่างชัดเจนที่ทิ่มแทงความรู้สึกด้วยกันชนหน้าแบบ OVER SIZE BUMPER ทรงเขาเดียว งานสร้างจาก HAND MADE OFF ROAD ทั้งนี้ตัวกันชนยังเป็นที่ยึดโยงแผ่นกันกระแทกใต้ท้องและชุดวินช์ไฟฟ้า KINGONE พร้อมด้วยร่องและสาย
รอกสลิง
ด้านล่างข้างใต้กันชนและไฟหน้า ไฟเสริมสองข้างกับชุดสปอตไลต์ไฟเสริมที่ด้านบนสองดวงคู่ของ LIGHT FORCE ทรงกลมสองดวง ซึ่งความต่อเนื่องของการติดตั้งกับชุดขอบโป่งล้อจะค่อนข้างสนิทกันพอดี แบบเดียวกับด้านข้างของโป่งล้อด้านหลังที่เป็นแบบไฟเบอร์สีดำต่อเนื่องกับกันชนเหล็กพับขึ้นรูปงานสร้างพร้อมห่วงและจุดยึดสำหรับใช้งาน พร้อมขอลากปากนกแก้วบิดล็อกในตัว กับสุดท้ายผ้ายางบังโคลน HI-LIFT X-TREME


ที่ภายในด้วยอายุอานามในการใช้งานกับลักษณะของการเป็นตัวลุยที่แฝงเอาไว้ด้วยความหรูหรากับแบบฉบับของรถ SUV สิ่งที่เราจะเห็นได้จากรถประเภทนี้ที่เป็นของแท้ก็คือฟังก์ชันการตกแต่ง ตั้งแต่จุดที่เป็นส่วนต่างๆ ของห้องโดยสารที่จะบุด้วยวัสดุมีคุณภาพรวมทั้งสิ่งที่มีมาให้ใช้งานซึ่งทั้งหมดเป็นของติดรถแทบทั้งสิ้น ความแพรวพราวของหน้าปัดเรือนไมล์นั่นก็คืออีกสิ่งหนึ่งที่บอกคุณได้ว่ารถคันนี้มันอยู่ในระดับไหน ที่สำคัญพื้นที่ใช้สอยที่ได้มาจากตัวลุยซึ่งมีให้อย่างเหลือเฟือกับพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลัง
นั่นก็คืออีกหนึ่งเอกลักษณ์ของ CHEROKEE

THE BIG… ขุมพลังเบนซิน V8 4,700 ซี.ซี. ติดตั้งเชื้อเพลิง 2 ระบบ LPG
มีเพียงไม่กี่รุ่นและไม่กี่แบรนด์ตัวลุยเท่านั้น ที่ขุมพลังเดิมๆจะเพียงพอต่อความต้องการของการใช้งานและความต้องการที่มากขึ้นในการตอบสนอง ซึ่งมันต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของการใช้งานได้อย่างคล่องตัว CHEROKEE คันนี้กับขุมพลังติดรถแบบเบนซิน V8 4,700 ซี.ซี. ติดตั้งเชื้อเพลิง 2 ระบบ LPG มีกำลังติดตัวมา 235 แรงม้าและแรงบิด 400 นิวตัน-เมตร ซึ่งนั่นคือรถที่โลดแล่นมากว่าสิบปีแล้ว แรงบิดมหาศาลคือสิ่งที่ถูกต้องสำหรับรถยนต์ที่มีน้ำหนักและรูปทรงประเภทนี้ แรงบิดสูงจะทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างคล่องตัวไม่เกิดความอึดอัดทางด้านการใช้งาน และด้วยคุณสมบัติที่มันจะเป็นรถลุยแรงบิดมหาศาลเหล่านี้ที่ส่งผ่านกำลังแบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา คือสิ่งที่มันถูกออกแบบมาให้ช่วยกันทำงานได้อย่างถูกต้อง
คำถามว่าถ้ามันเป็นการใช้ระบบส่งกำลังแบบพาร์ทไทม์ บางครั้งประสบการณ์และการเลือกโหมดขับเคลื่อนที่ไม่เหมาะสมจะทำให้แรงบิดที่มีอยู่ถูกใช้งานได้อย่างไม่เต็มที่ จนกลายเป็นเสียของไปโดยปริยายและเมื่อเทียบกับความรวดเร็วในการใช้งานอย่างสะดวกแล้ว การใช้การถ่ายทอดกำลังรูปแบบของ JEEP ที่จะใช้การเพิ่มฟังก์ชันล็อกระดับการขับเคลื่อนและเพิ่มเติมอัตราทดเข้าไปทดแทน การใช้งานที่ยุ่งยากเสียมากกว่าอย่างที่เราเห็นกัน ในรูปแบบคันเกียร์ที่ไล่ระดับชัดเจน แบบเดียวกับการออกแบบในสายเลือดของอเมริกาที่ไม่เน้นแบบแผน คิดทันสมัยเน้นการใช้งาน และนั่นก็คือหลักคิดที่ทำให้เกิดสงครามขึ้นระหว่างคาวบอยกับอินเดียนแดง แต่สุดท้ายตำนานนักรบ CHEROKEE ก็ยังคงเล่าขานและแสดงตัวตนมาจนถึงปัจจุบัน

STEP UP…..เพิ่มความสูง 8 นิ้วกับสปริงชุดยก IRONMAN 4×4

หลังจากที่ JEEP ได้ปลดปล่อย CHEROKEE ให้ออกมาโชว์หมวกขนนกอินทรีที่อยู่บนหัวได้สักพัก ชื่อเสียงของมันก็ขจรกระจายไปไกลไม่เพียงแต่คุณสมบัติการออกแบบตัวรถมันเท่านั้น แต่ด้วยการใช้งานที่มีคนเอาไปหรือพามันไปพบเจอกับความโหดร้าย ทำให้มันต้องบอบช้ำและมีบาดแผลเป็นร่องรอยประสบการณ์ติดตามตัวเป็นฉายาที่ทุกคนยอมรับ ส่วนหนึ่งต้องให้เครดิตกับอุปสรรคเหล่านั้นอย่างที่ว่า เพราะว่ามันโหดร้ายผู้คนจึงได้ยอมรับ มันก็เหมือนกับคนที่ทำอะไรยากๆ ได้ คนที่รู้เขาก็ต้องยอมรับว่ามีความพยายาม แต่ที่สำคัญมันก็ต้องดูในเรื่องของประสบการณ์เป็นสำคัญ
และจนถึงทุกวันนี้ทำให้ CHEROKEE มีประสบการณ์อย่างเข้มข้น แต่ถึงจะเข้มแค่ไหนมันก็ต้องได้รับการตกแต่งเสมอถ้าจะมายังเวทีนี้แล้ว สิ่งที่เป็นเป้าหมายของการตกแต่งซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพของช่วงล่างให้มีระยะของ GROUND CLEARANCE ที่มีมากขึ้นพร้อมทั้งการให้ตัวของช่วงล่างทั้งระบบซึ่งสิ่งที่เป็นแบบฉบับกับการปลดล็อกจุดยึดปลายเหล็กกันโคลง ทำให้ระยะการให้ตัวมากขึ้นซึ่งมีผลต่อการปีนป่ายอย่างเห็นได้ชัด

ความสูงที่เพิ่มเติมขึ้นด้วยสปริงชุดยก 8 นิ้วของ IRONMAN 4×4 ซึ่งต้องแปลงฐานรองและแป้นยึดสปริงขึ้นมาใหม่ไม่ให้เกิดการหลุดของคอยล์สปริงยามทำงาน ด้านในติดตั้ง BUMP STOP จำกัดการยุบยืดที่รุนแรงเกินไปยามใส่มาเต็มๆ ป้องกันการกระแทกจนอาจเกิดความเสียหาย ทำร่วมกับชุดดูดซับแรงสั่นสะเทือนและชุดกันสะบัดพวงมาลัยของ PROFENDER SUBTANK เช่นเดียวกับที่ด้านหลังที่เป็นลักษณะของการวางตำแหน่งแขนประคองช่วงล่างในลักษณะแบบ A-ARM และชิ้นส่วนที่ใช้ในการตกแต่งไม่แตกต่างจากที่ด้านหน้า แต่ชุดโช้คอัพหลังจะใช้ข้อต่อแบบ BALL JOINT อัตราทดเท่ากันทั้งหน้าและหลังอยู่ที่ 4.56:1
เมื่อได้เห็นสิ่งที่เป็นแนวทางในการตกแต่ง CHEROKEE คันนี้แล้ว มันก็ทำให้เราหรือใครหลายคนคงจะคลายความสงสัยลงไปได้บ้างว่า อ๋อทำไมหนอรถยนต์ออฟโรดตัวลุยทั้งหลายจะต้องใส่เกราะยกสูงทรงเครื่องกันอย่างกับว่าตั้งใจให้รถมันแตกต่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่รถมันจะต้องเจอมันช่างยากจะคาดเดา และมันโหดร้ายแบบที่มันอาจจะไม่ได้ตั้งใจแต่เป็นไปตามธรรมชาติ ผู้ที่แข็งแกร่งคือผู้ที่รอดแต่บางครั้งผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็อาจจะเป็นผู้ที่รอดได้เช่นกันถ้ามีความพร้อม ประสบการณ์และโชคช่วย ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปตกแต่งกันแบบขั้นสุดซะทั้งหมด แต่มันต้องพอดีและมีความพร้อม และความพร้อมเท่าใจเจ้าของรถเท่านั้นคือสิ่งที่มันมีค่าและเป็นพื้นฐานอย่างแน่นอนที่สุด
เส้นทางบางที่ช้างสารผ่านได้ แต่เส้นทางบางที่เพียงกิ้งกือร้อยขาก็สามารถผ่านได้เช่นกัน แต่ระหว่างทางและเรื่องราวที่มันได้ผ่านไปแล้วต่างหากคือบางสิ่งที่มันสมควรจดจำ……

เรียบเรียงโดยกองบรรณาธิการ

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

Save