ขับรถฤดูหนาวกับหมอกขาว

เข้าสู่หน้าหนาวอย่างเต็มตัวในช่วงปลายปีแบบนี้ ที่เมืองไทยไม่ได้หนาวมานาน ซึ่งเมื่อปีที่แล้วก็ได้พบเจอกับอากาศที่เย็นตัวได้ไม่นานก็กลับมาร้อนอีกครั้ง แต่ในปีนี้ ด้วยความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ ความหนาวเริ่มมาเยือนพวกเรากันแล้ว แต่จะอยู่แต่เพียงในบ้านคงจะไม่ได้ ชีวิตยังคงดำเนินต่อ การเดินทางจึงเกิดขึ้น การท่องเที่ยวจึงเริ่มต้นขึ้น

ก่อนการเดินทางสิ่งหนึ่งที่ต้องเตรียมนั่นคือพาหนะรถยนต์ และสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการเดินทางในที่ที่ต้องไปเจอกับหมอกควัน นั้นคือแสงสว่างนอกจากเครื่องยนต์ ระบบช่วงล่างแล้ว ควรตรวจสอบระบบไฟส่องสว่างรอบคันว่ายังคงใช้งานได้ปกติ ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยวทั้งซ้ายขวา และไฟตัดหมอกหน้า-หลัง (ถ้ามี) อุปกรณ์ไล่ฝ่า รวมไปถึงอุปกรณ์ทำความสะอาดกระจกที่ปัดน้ำฝนต้องพร้อม เพราะเป็นสิงจำเป็นในการเดินทางแบบนี้

ซึ่งวิธีการขับรถในสายหมอก ควรขับในเส้นทางด้วยความเร็วที่ช้ากว่าปกติ เปิดไฟหน้า และไฟตัดหมอก แต่ไม่ควรเปิดไฟสูงเพราะจะทำให้ไปแยงตารถที่ขับสวนมาได้ และปิดไฟเมื่อขับออกจากสายหมอก ไม่แนะนำให้เปิดไฟฉุกเฉิน เพราะจะทำให้เข้าใจผิด เวลารถจะเลี้ยวหรือแซง ควรขับด้วยความเร็วที่คงที่ ไม่เกิน 60 กม/ชม ถ้าเป็นทางพื้นราบ ตำแหน่งเกียร์ตามปกติ แต่ถ้าต้องขึ้นทางชัน ขึ้นเขา มีทางโค้ง รถที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อควรใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4H จะทำให้การเข้าโค้งและยึดเกาะถนนได้ดีขึ้น และใช้ตำแหน่งเกียร์ 1-2 ในการเดินทางขึ้นเขาจะปลอดภัยมากขึ้น

การเดินทางในเส้นทางที่มีสายหมอก พื้นถนนจะมีความชื้นทำให้ถนนเกิดความลื่น การขับรถในเส้นทางแบบนี้ควรเว้นระยะห่างจากคันหน้ามากกว่าเดิมพอสมควรเพราะอาจจะต้องเพิ่มระยะเบรคที่มากขึ้น และไม่ควรขับเปลี่ยนช่องทางแบบกระทันหัน เพราะถนนที่มีความชืนอาจจะทำให้รถลื่นไถลได้ และหากถ้าหมอกลงจัดควรจอดข้างทาง เปิดไฟส่องสว่าง รอจนกว่าหมอกจะจางแล้วค่อยเดินทางต่อจะปลอดภัยกว่า

หากการเดินทางไปแล้วกระจกเป็นฝ่านั้นหมายความว่าอุณหภูมิภายในและภายนอกเท่านั้น เปิดอุปกรณ์ไล่ฝ่า หรือเตรียมผ้าเช็ดที่กระจก แล้วเดินทางต่ออย่างระมัดระวัง การเดินทางในทริปฤดูหนาวคงจะไม่ยากอีกต่อไป