ก่อนตาย…คุณต้องไปให้ได้ กับการผจญภัยสุดขอบฟ้าที่ CAPE YORK AUSTRALIA

               CAPE YORK  เป็นปลายแหลมตอนบน เหนือสุดของประเทศออสเตรเลีย ในรัฐ QUEENSLAND ซึ่งที่แห่งนี้ชาวออสซี่ส่วนใหญ่ จะรู้จักกันในนาม THE TIP (TOP OF AUSTRALIA) และครั้งหนึ่งในชีวิตของพวกเขาต้องมาสัมผัสให้ได้ ไม่ว่าจะต้องเดินทางไกลแค่ไหนก็ตาม บางครอบครัวเดินทางมาจากอีกซีกมุมประเทศ ที่ตรงข้ามกันห่างกันหลายพันกิโลเมตร รอนแรมมาเป็นเดือน และก็เที่ยววนรอบๆ CAPE YORK อีกเป็นเดือนๆ  มาแล้วต้องเที่ยวกันให้คุ้มเลย

4

    การเดินทางไปให้ถึง CAPE YORK นั้นมีสองทางเลือก คือ ไปแบบเส้นทางปกติเป็นทางลูกรัง มีลาดยางบ้างเป็นช่วงๆ กับอีกเส้นทางคือ ทางลูกรังสลับกับเส้นทางออฟโรด การเดินทางในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เราเตรียมการล่วงหน้าหลายเดือน โดยการติดต่อทางโทรศัพท์ระหว่างประเทศ รวมทั้งทางไลน์ กับสมาชิกที่จะร่วมเดินทางด้วยกัน ศึกษาเส้นทางออฟโรด จองสถานที่พักรถที่สามารถนอนพักค้างคืนได้ เพราะข้างในนั้นเป็นถิ่นของคนพื้นเมือง เราอาจจะสื่อสารกับเขาไม่ได้เลย เราวางแผนการเดินทางให้กระชับ เพราะจะใช้เวลาไปและกลับเพียง 13 วัน เรื่องอาหาร น้ำดื่ม เครื่องดื่ม เครื่องมือต่างๆ สำรองไว้เผื่อซ่อมรถ รวมทั้งเสื้อผ้าให้เพียงพอ

          หลังกำหนดวันเดินทางกันได้แล้ว ผม TOO 4LOW กับ หนิด LSP ได้เดินทางจากเมืองไทยไปพบกับ เบียร์ วังน้ำ ที่เมือง SUNSHINE COAST เมืองหนึ่งในรัฐ QUEENSLAND เพื่อรอบ๊อบกับเดียร์ เจ้าพระยา ที่จะตามมาสมทบ ทั้งสองจะเดินทางมาจากเมือง GOLD COAST ในรัฐ QUEENSLAND ที่ห่างไปร้อยกว่ากิโลเมตร จนกระทั่งทั้งคู่เดินทางมาถึง เราก็ได้เวลาออกเดินทาง โดยที่เบียร์ติดธุระด่วน ให้เราเดินทางไปก่อน

6
8

5
10

2

       จุดหมายของเราวันนี้คือ แคมป์ คาร์ สาธารณะที่ BENARABY ซึ่งต้องเราขับกันทั้งวันกว่าจะถึงจุดหมายเนื่องจากเป็นทางสองเลนไปและกลับจะแซงได้ก็ต่อเมื่อมีช่องทางสำหรับให้แซงเท่านั้น ที่นี่กฎหมายจราจรของประเทศเขาเคร่งครัดจริงๆ และทุกคนก็ต้องทำตามกฎนั้นด้วย ถึงจุดหมายแล้วผู้ชายก็กางต็นท์ที่อยู่บนหลังคารถ (ROOF TENT) ส่วนสาวๆ ก็ง่วนอยู่กับการทำอาหารเนื่องจากฤดูหนาวที่นี่มืดเร็วมาก

             วันที่สองของเราหลังจากเมื่อคืนเจออากาศที่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก จนปรับตัวไม่ทันจาก 17 องศาในตอนเย็นลงมาเหลือ 3 องศาในตอนเช้ามืด วันนี้เราขับผ่านเมือง ROCKHAMPTON พร้อมกับแวะซื้อผ้าห่มกันหนาวเพิ่ม หลังจากนั้นขับกันต่อเนื่องรวดเดียวถึงที่พักเมืองทางผ่าน RIVERVIEW ซึ่งที่นี่เราพัก แคมป์ คาร์ ของเอกชนคิดค่าบริการคนละ $ 15 AUS. หรือประมาณ 35 บาทไทย มีน้ำอุ่นให้อาบ ห้องน้ำสะอาดดี ใกล้มืดแล้วต้องรีบจัดการกับข้าว ที่นอน หลังจากนั้นก็ปาร์ตี้เล็กๆ แล้วรีบนอนเอาแรงกัน

11

14

วันที่สามเมื่อคืนอุณหภูมิ 7 องศา แต่ได้ผ้าห่มหนาเลยเอาอยู่ ไม่หนาวทรมานเหมือนคืนวาน หลังรับประทานอาหารเช้ากันแล้วออกมาเติมน้ำมันเสร็จ ก็รีบทำเวลากันเท่าที่ทำได้ เกือบบ่ายสามโมงก็มาถึงเมือง CAIRNS ด่านสุดท้ายก่อนเข้าสู่เส้นทางออฟโรด สามวันมานี่เราเดินทางกันประมาณ 1,800 กิโลเมตรกับถนนสองเลนที่แทบจะแซงกันไม่ได้เลย รู้สึกได้ถึงความเครียดของการขับรถ ที่นี่ เบียร์ วังน้ำ ได้ลงจากเครื่องบินมารอเราแล้ว และจุดนี้เป็นที่สุดท้ายที่เราจะต้องเตรียมทุกสิ่งอย่างให้พร้อม เพราะเส้นทางที่เราจะผ่านเข้าไปมีแต่ร้านค้าเล็กๆ จะมีก็แค่อาหารและน้ำ เครื่องดื่มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ระยะทางไป-กลับ อีกราว 2,000 กิโลเมตร เพราะฉะนั้นทุกตารางนิ้วของรถยนต์ ต้องบรรจุแต่ข้าวสาร อาหารแห้ง เสื้อผ้าไปเท่าที่เอาไปได้ คืนนี้เราได้รับความอนุเคราะห์ที่พักและอาหารค่ำจาก เดวิส เพื่อนของ เบียร์ วังน้ำ ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายเนื้อทุกชนิดที่ใหญ่มากในเมือง CAIRNS

          วันที่สี่เราออกเดินทางกันแต่เช้า ผ่านเส้นทางลูกรังบ้าง ลาดยางบ้าง จนมาถึงลูกรังล้วนและทำเป็นลอนคลื่นด้วยเพื่อชะลอความเร็วของรถยนต์ ยิ่งถ้าฝนตกถนนลูกรังโดนน้ำนี่ลื่นชะมัด และเส้นทางนี้ในฤดูน้ำหลากเคยท่วมถึง 6 เมตร เราขับกันเช้ายันเย็นได้แค่ 400 กว่ากิโลเมตร แต่ก็ถึงจุดหมายที่ตั้งไว้คือ แค้มป์ กราวด์ เมือง MUSGRAVE ถึงตรงนี้มาได้เกือบครึ่งทางแล้ว

15
17

18

19       12

               วันที่ห้ารถเกือบทุกคันที่แค้มป์นี้รีบเดินทางกันแต่เช้า ผ่านเมือง COEN ถิ่นของชนพื้นเมือง ABORIGIN  พอผ่านเมือง ANCER RIVER ROAD HOUSE ไปสักครึ่งชั่วโมง มีทางแยกขวาเข้าสู่เส้นทางออฟโรดเบาๆ สู่เมือง LOCK HARD RIVER มาโผล่ที่เมือง CAPE WAYMOUTH เราแวะชมชายหาดกันเล็กน้อย ต้องบอกว่าสวยมาก แต่น่าเสียดายที่ไม่อนุญาตให้พักแรม เนื่องจากทางการยังคุมชาวพื้นเมืองได้ไม่หมด เราจึงเดินทางมาพักกันที่ CHILLI BEACH แค้มป์ คาร์ ซึ่งเป็นที่พักของทางการ แต่ก็ต้องทำการจองจุดพักมาก่อนล่วงหน้า

             วันที่หกเราย้อนกลับออกมาทางเดิม จนถึง YAM CREEK (CREEK=ลำน้ำ คลอง ห้วย) มีทางแยกขวามือเป็นเส้นทางออฟโรดชื่อ FRENCHMAN TRACK ที่นี่มีหลายรสชาติ เช่น ทรายละเอียดร่วน ทรายดูด เนินสลับ ข้ามแม่น้ำ สะพานซุง ถ้าเป็นมือใหม่ก็ยากพอสมควร มาโผล่อีกทีที่ MORETON TELEGRAPH STATION จากนั้นขับรถมาอีกราวหนึ่งชั่วโมงก็ถึง BRAMWELL JUNCTION ตรงจุดทางแยกนี้มีผู้ร่วมเดินทางทำป้ายทะเบียนรถหายและผู้ที่เก็บได้นำมาติดไว้กับต้นไม้ เราขับรถต่อมุ่งหน้าสู่ THE OLD TELEGRAPH TRACK เส้นทางดั้งเดิมในการเดินทางสู่ THE TIP ที่นี่มีเส้นทางยากระดับ 3-4 ให้เล่นตลอดทาง ด่านแรก คือ PARM CREEK, DUCIE CREEK ทิ้งดิ่งข้ามลำน้ำและเชิดหัวขึ้นแบบเห็นแต่ท้องฟ้า GUN SHOT CREEK ทิ้งดิ่ง 70 องศา น่าหวาดเสียวถึงสันหลัง จุดนี้เราได้นำธงชาติไทยไปประดับร่วมกับธงชาติอื่นด้วย ต้องบอกว่าวันนี้ค่อนข้างทรหดพอสมควร โดยเฉพาะในเรื่องเส้นทางที่ต้องผ่านจุดยากๆ หลายจุด แต่ยังไม่พ้นแนวป่า ก็เลยแวะพักกันที่ ELIOT/TWIN/INDIAN HEAD FALLS บรรยากาศสวยงาม ติดกับน้ำตก มีห้องน้ำและน้ำสะอาดใช้ได้เลยทีเดียว
21

22

23

    วันที่เจ็ดออฟโรดเราเดินทางกันต่อ โดยผ่าน SAM CREEK ,MISTAKE CREEK,CANNIBLE CREEK,CYPRESS CREEK,BRIDGE CREEK (NO LAN’S BROOK) หลุดจากเส้นทางออฟโรดก็ต้องข้ามแม่น้ำ JORDAN ด้วยแพขนานยนต์ ค่าข้ามแพแพงมากรถยนต์คันละ $100 AUS.ด้วยระยะทางแค่ 50 เมตร แต่คิดแค่ไปขาเดียว ตอนกลับฟรีครับ…

           ขึ้นจากแพขนานยนต์ได้ เราสองคันรีบทำความเร็วกันเท่าที่ทำได้ เพื่อให้ถึง THE TIP และถึงจุดพักก่อนมืด ในที่สุดเราก็มาถึงดินแดนที่เรียกว่า CAPE YORK แล้ว THE TIP (TOP OF AUSTRALIA) และเดินเท้าไปอีกครึ่งชั่วโมงก็ถึงป้ายที่ทุกคนต้องมาถ่ายภาพที่ระลึก และเป็น LANDMARK แห่งหนึ่งของโลก เท่าที่ทราบยังไม่เคยมีกลุ่มคนไทยเดินทางผ่านเส้นทางนี้มาก่อน เย็นนี้เราได้ที่พักริมทะเลแสนสวยอีกแห่งหนึ่งคือ แค้มป์ กราวด์ PUNSAND BAY ซึ่งมีความเป็นส่วนตัวมาก เราทำอาหารและพักผ่อนกันอย่างเต็มที่

 

24

25

26

27

28

   วันที่แปดแวะซื้อของที่ระลึกจาก CAPE YORK ที่ CROC TENT หลังผ่านเส้นทางออฟโรดมาแล้ว ขากลับเราเลือกทางลูกรังเพื่อทำความเร็ว มาข้ามแพขนานยนต์ก่อนเที่ยง เพราะคนขับแพเขาพักเที่ยง 1 ชั่วโมง ก่อนค่ำก็มาถึง ANCER RIVER ROAD HOUSE ยังพอมีพื้นที่ให้จอดรถพักได้บ้าง เป็นพื้นที่ของเอกชนเสียค่าพักคนละ $10 AUS.

            วันที่เก้าเป็นอีกวันหนึ่งที่ต้องขับรถกันยาวๆ ผ่านเมือง COEN, MUSGRAVE, LAURA, LAKE LAND และMAREEBA ออกมาถึงเมือง CAIRNS ก็เย็นค่ำพอดี เดวิส ได้ทำอาหารเย็นเลี้ยงเราอีกมื้อใหญ่ ส่วนวันที่สิบได้มีโอกาสไปเที่ยวแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลก GREAT BARRIER REEF บริเวณ GREEN ISLAND ยอมรับเลยครับว่าสวยสมคำร่ำลือ ปะการังและสัตว์น้ำสวยสมบูรณ์มาก

         วันที่สิบเอ็ดได้เวลาร่ำลา เดวิส แล้วรีบเดินทางกลับ ส่วน เบียร์ มีงานด่วนต้องบินกลับไปก่อนตอนบ่าย เราแวะเที่ยวกันตามรายทางและพักค้างคืนที่ AIRLIE BEACH วันที่สิบสองเราขับผ่าน ROCKHAMPTON โดยใช้เส้นทางเลียบชายหาดไปเรื่อยๆ แวะเล่นออฟโรดอีกนิดหน่อย ชมธรรมชาติไปตลอดทาง เราค้างคืนกันที่ BENARABY มาถึงดึกเลย

 

29

30

31

32

33

วันที่สิบสามเรายังคงเที่ยวไปตลอดทาง รวมทั้งแวะโรงงานผลิตเหล้ารัม ยี่ห้อ BUNDABERG ซึ่งเป็นชื่อเมืองด้วยเหมือนกัน จากนั้นเราก็รีบทำเวลามาให้ถึง SUNSHINE COAST ก่อนมื้อค่ำซึ่งเบียร์ได้เตรียมรอไว้แล้ว

          การเดินทางครั้งนี้นับว่าเป็นการขับรถที่ยาวไกลครั้งหนึ่งในชีวิต ใช้เวลาต่อเนื่องถึง 13 วันกับระยะทางเกือบ 6,000 กิโลเมตร กินอาหารแช่แข็งบ้าง ทำสดกันข้างรถบ้าง นอนกันบน ROOF TENT ทุกคืน หากเพื่อนจะนำไปเป็นแนวทางเพื่อจะไปเที่ยวบ้างก็ได้นะครับ ศึกษาเส้นทางจากแผนที่ GPS และตาม LANDMARK , CREEK ต่างๆที่ได้ลงรายละเอียดไว้  มีที่น่าสนใจอีกหลายแห่งใน CAPE YORK ที่เรายังไม่ได้ไปเนื่องจากเวลาจำกัด เราคุยกันแล้วว่าถ้ามีเวลาเหมาะๆ จะต้องไปเยือนกันอีกครั้งอย่างแน่นอน

แต่งให้พร้อมผจญภัยใน CAPE YORK

กับ  LAND CRUISER 2012 YEAR 76 SIRIES      

123-20

        รถคันนี้เป็นของเบียร์ วังน้ำ(วรณิสร์ โพธิสุข) แต่งเต็ม เพื่อนำมาเล่นออฟโรดโดยเฉพาะ มีรายละเอียดดังนี้

         

123-1

             – กันชนหน้า ARB ตรงรุ่น ซีรี่ย์ 76

            – สปอตไลท์ ARB INTENSITY 1 คู่

            – WARN WINCH ZEON 10S เชือก SPYDURA

123-12

          – กันชนหลัง KAYMAR พร้อมบานสวิงยางอะไหล่ที่ติดตั้ง HI-LIFT JACK

          – SPOT LIGHT ส่องหลัง วาล์วน้ำจากถังน้ำสำรอง

          – กล้องส่องด้านหลัง

123-13

             – เบาะคู่หน้า ARB RECARO มีมือบีบปรับลมแข็ง-อ่อน พร้อมถังดับเพลิง

123-14

             – วิทยุ รับ – ส่ง จำเป็นมากในการเดินทาง

 

123-16

123-10

123-11

123-8

123-17

123-18

             – เครื่องเสียงมีจอ MONITOR จากกล้องส่องหลัง

 

123-19

           – ที่วัดลมยาง DIGITAL ทั้งสี่ล้อ

          – เซ็นเซอร์ตรวจวัดความเร็วแบบ DIGITAL และจับกล้องจับความเร็วจากดาวเทียม

         – ปั๊มลม ARB ไว้เติมลมยาง

         – เปลี่ยนจากมือบิดสวิตช์ DIFF LOCK มาเป็นสวิตช์กด

         – ถังอลูมิเนียมเก็บน้ำสำรอง 35 ลิตร พร้อมปั๊มน้ำ

         – INVERTER รับไฟ 220 Volt และโซล่าเซลล์ เพื่อแปลงไฟเป็น 12 Volt ใช้กับตู้แช่แข็งและตู้เย็น      

 

123-6

123-3

 

123-2

123-4

123-5

           – ชุดยก 5 นิ้ว จาก SUPERIOR ENGINEERING AU.

           – กระทะล้อ BEADLOCK ยาง 315 75 R16 และมีตะขาบ 35 10.5 R16 ไว้ลุยโคลนอีก 1 ชุด

 

  เรื่องและภาพทั้งหมดโดย…TOO 4LOW

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

Save