การเลือกซื้อ OFF ROAD BIGSIDE อย่างเจ้าอ้วน TROOPER
รถยนต์ อีซูซุ ทรูเปอร์ (ISUZU TROOPER) จัดอยู่ในหมวดของ”รถตรวจการณ์อเนกประสงค์”ประภท OPV อย่างแท้จริงเช่นเดียวกับเจ้าตลาดอย่าง “แลนด์ครุยเซอร์”ของโตโยต้า, หรือ “แพทโทรล” ของนิสสัน, หรือ “ปาเจโร” ของมิตซูบิชิ, หรือ “จี๊ฟ” ของไครเลอร์ หรือ ฯลฯ
Isuzu Trooper
อีซูซุ ทรูเปอร์ (อังกฤษ: Isuzu Trooper) เป็นรถยนต์เอนกประสงค์สมรรถนะสูงขนาดกลาง (Mid-Size SUV) ผลิตโดย อีซูซุ เริ่มผลิตในปีพ.ศ. 2524 ซึ่งในขณะนั้นเป็นยุคที่กระแสของรถ SUV กำลังเติบโตในตลาดโลก และเลิกผลิตในปี พ.ศ. 2548แบ่งวิวัฒนาการตามช่วงเวลาได้2 Generation (รุ่น) ดังนี้
รุ่นที่ 1 (พ.ศ. 2524-2534)
อีซูซุ ทรูเปอร์ รุ่นที่ 1
อีซูซุ ทรูเปอร์ รุ่นที่ 1 เริ่มผลิตในปี พ.ศ. 2524 มีตัวถัง 2 แบบคือเอสยูวี 3 และ 5 ประตู เครื่องยนต์มีเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ,2.3 และ 2.6 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 และ 2.8 ลิตร โดยเครื่องยนต์ดีเซลทั้ง 2 รุ่นมีรุ่นเทอร์โบด้วย ระบบเกียร์เป็นเกียร์ธรรมดา 4 และ 5 สปีด มีทั้งแบบ MSG และ MAU5C และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ทำตลาดมาเรื่อยๆ จนถึงปี พ.ศ. 2534
รุ่นที่ 2 (พ.ศ. 2534-2548)
อีซูซุ ทรูเปอร์ รุ่นที่ 2
อีซูซุ ทรูเปอร์ รุ่นที่ 2 เริ่มผลิตเมื่อปี พ.ศ. 2534 รุ่นนี้เป็นรุ่นที่มีการผลิตไปให้ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นมากขึ้น เช่น ฮอนด้า โอเปิล วอกซ์ฮอลล์ เชฟโรเลต เนื่องจากในขณะนั้น อีซูซุได้ประกาศขยายความร่วมมือกับกลุ่มจีเอ็มและฮอนด้า ในญี่ปุ่น ทรูเปอร์จะใช้ชื่อในการทำตลาดว่า อีซูซุ บิ๊กฮอร์น (อังกฤษ: Isuzu Bighorn) มีฐานการประกอบอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ,ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย รุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่มีเครื่องยนต์เบนซินแบบ V6 ออกจำหน่าย โดยมีเครื่องยนต์ 3.0 ,3.1 ,3.2 และ 3.5 ลิตร มี V6 ในรุ่น 3.2 และ 3.5 ลิตร ระบบเกียร์เป็นเกียร์ธรรมดา 5 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด
ในประเทศไทย อีซูซุ ทรูเปอร์รุ่นนี้ถือเป็นรุ่นแรกที่เข้ามาขายในประเทศไทย เปิดตัวเมื่อปี พ.ศ. 2535 เพื่อแข่งกับมิตซูบิชิ ป่าเจโร โตโยต้า แลนด์ ครุยเซอร์ ปราโด และฟอร์ด เอ็กซ์พลอเรอร์ และทำยอดขายได้เรื่อยๆ จนถึงปี พ.ศ.2544 จึงเลิกขายในที่สุด
เวอร์ชั่นต่างของ อีซูซุ ทรูเปอร์ รุ่นที่ 2
Super Elegance SE
จะเป็นรุ่นที่มีถุงลมนิรภัยคู่(DUAL SRS AIRBAGS) ตกแต่งลายไม้ที่หน้าปัทม์ ด้ามหัวเกียร์ทั้ง 2 เบาะหนังสีเทา เครื่องเสียงอัลไพน์+คอมแพ๊คดิสก์ โทรทัศน์สีLCDของแคเรี่ยนพร้อมรีโมท มีไฟเบรคดวงที่ 3 อยู่ในเก๋งตอนท้าย มีมาตรวัดอเนกประสงค์บอกอุณหภูมิภายนอกรถ บอกความสูงจากพื้น บอกความดันอากาศ และเข็มทิศตรงเพดานเหนือกระจกมองหลัง ให้บันไดอลูมิเนียมด้านข้าง ล้อแม็กลายBBS ฝาครอบยางอะไหล่แบบโครเมี่ยม โลโก้และตัวหนังสือสีบอกรุ่นบอกยี่ห้อสีทอง รุ่นนี้ตอนออกโชว์รูมใหม่มีผ้าคลุมแถมเหมือนกับรุ่นลิมิเต็ด
Luxury Trooper LIMITED
เป็นรุ่นที่ขายได้มากสุด(สอบถามจากน้องๆในตรีเพชร)อุปกรณ์ตกแต่งอาจจะน้อยรองลงมาจากรุ่น Super Eleganch แต่ก็มีบางอย่างที่รุ่นท็อปไม่มี อาทิ สัญญาณเตือนป้องกันถอย, คิ้วกันสาด, คิ้วขอบประตู โดยอุปกรณ์ต่างๆที่ให้ในรุ่นนี้ประกอบไปด้วย ชุดแผงหน้าลายไม้เฉพาะหน้าลิ้นชักกับแผงสวิทช์แอร์และแผงวิทยุ เบาะหนังสีดำ คิ้วกันสาดแบบแผ่นเล็ก คิ้วโครมเมี่ยมขอบประตู บันไดข้าง เครื่องเสียงไพโอเนียร์+เครื่องเล่นซีดีแบบคอมแพ็คดิสก์ สัญญาณป้องกันถอยด้านหลังซ้าย ฝาครอบยางอะไหล่แบบแสตนเลสรัด กระจกส่องข้างล้อด้านซ้าย
Smart Trooper Sport LS
รุ่นนี้สังเกตุง่ายสุดจะเป็นเบาะผ้ากำมะหยี่ทั้งคัน ฝาครอบล้ออะไหล่ใช้ผ้าไวนิล สิ่งที่ไม่มีประกอบไปด้วย คิ้วกันสาด คิ้วขอบประตู บันไดข้าง กระจกส่งล้อด้านซ้าย สัญญาณเตือนถอย ชุดแต่งลายไม้ ไฟเบรคดวงที่ 3 แต่ยังคงรหัส LSเหมือนกันรุ่นLimited
เปลี่ยนโฉมครั้งสุดท้ายปี 2000-2001
1999 แต่นำเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทย ปี 2000 เราจึงมักนิยมเรียกรุ่นปี 2000 กัน มีทั้งเครื่องยนต์เบ็นซิลและดีเซล โดยเครื่องยนต์เบ็นซิล ยังคงใช้รหัสเดิม คือ 6VD1 3,200 C.C. แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการจ่ายเชื้อเพลิง จากเดิมหัวฉีดน้ำมัน ฉีดแบบเป็นกลุ่ม ก็เปลี่ยนเป็นแบบอิสระ คือฉีดตามจังหวะการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ และเปลี่ยนจากคอยล์จุดระเบิด 3 ตัว มาเป็นคอยล์แยกแต่ละสูบ และได้มีการเปลี่ยนแปลงท่อร่วมไอดีใหม่ จึงทำให้ได้แรงม้าเพิ่มขึ้นจากเดิม และยังประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้นด้วย น่าจะอยู่ราวๆ 7-8 กิโลเมตรต่อลิตร ในส่วนของระบบขับเคลื่อนยังเป็นขับเคลื่อน4ล้อเหมือนเดิม แต่เพิ่มระบบ TOD หรือว่า ทอร์ค ออน ดีมานด์ ทำให้การกระจายกำลังไปยังล้อหน้าและล้อหลังต่างกันตามความต้องการของล้อคู่นั้นๆ ส่วนรูปโฉมก็แปลงหน้าตาด้านหน้าให้ออกโค้งมน ดูแล้วรถเล็กลงมากที่เดียว และก็สีทีเป็นสีเด่นในรุ่นนี้ก็เป็นสีขาว หากจำไม่ผิดเค้าจะตั้งชื่อรุ่นนี้ว่า อีลีแก้น ก็สวยสะดุดตาแต่ราคาก็กระโดดไปมากจนสะดุดใจเลยที่เดียว เกือบลืมไปรุ่นนี้มีระบบป้องกันขโมยมาให้ด้วยเลย และยังมีอุปกรณ์บอกทิศ ติดตั้งไว้เหนือกระจกส่องหลังด้วย ก็ดูดีทีเดียว
ส่วนในเครื่องยนต์ ดีเซล จะเป็นเครื่อง 4JX1 3,000 C.C. เป็นเครื่องยนต์ คอมมอนเร็ว ได้มีการส่งไปให้กับทางลูกค้าได้ทดลองใช้ แต่ก็ไม่เป็นที่ถูกใจเท่าใดนัก จึงขายไม่ค่อยออก เท่าที่ทราบคงจะขายได้หลักร้อยคันเอง ส่วนตัวเครื่องยนต์เบนซิลไปได้ดี แต่ติดที่ราคาสูงจึงขายได้น้อยเหมือนกัน ประจวบกับช่วงนั้นเกิดปัญหาฟองสบู่แตก ก็เลยไม่ค่อยมีคนซื้อไปใช้มากนัก
นับตั้งแต่ที่นับรุ่นปี 2000 ออกจำหน่าย ก็จำหน่ายไปจนถึงปี 2002 ก็เลิกนำเข้ามาจำหน่าย ถือว่าเป็นการสิ้นสุด Trooper ในเมืองไทยครับ ส่วนในประเทศอื่นๆยังมีจำหน่ายกันอยู่และก็มีการพัฒนาเครื่องยนต์รวมทั้งรูปทรงให้ออกมาสวยงามมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่เห็นมีใครนำเข้ามาใช้กันบ้างเลย ก็คงเป็นเพราะราคาคงจะแพง หรือไม่ก็กลัวปัญหาเรื่องอะไหล่ที่จะต้องซ่อมเพราะมีแต่รถแต่ไม่มีอะไหล่ก็แย่เหมือนกันครับ
สำหรับราคามืองสองเดิมๆไม่มีการตกแต่ง ณ.ปัจุบัน ขึ้นอยู่กับสภาพรถ ถ้าปีแรกๆ 1996-1999 ก็อยู่ประมาณ 150,000 – 250,000
ปีสุดท้ายปี 2001-2002 หน้าตาหล่อขึ้นราคา ราคาอยู่ประมาณ 250,000-350,000 ถ้าราคาเกินกว่านี้ จัดว่าแพงเชื่อผม
เรียบเรียงโดยกองบรรณาธิการ
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.