New Land Rover Defender ปรับโฉมรูปลักษณ์ให้สมกับศตวรรษที่ 21 ด้วยความหลงใหล และเคารพต่อรถรุ่นดั้งเดิมเป็นแรงผลักดัน มอบขีดความสามารถที่พัฒนาต่อได้อย่างไม่สิ้นสุด พร้อมเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับการขับขี่ในทุกภาคพื้นพลิกโฉมการผจญภัย แต่ยังคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณแห่งการบุกเบิกอันเป็นเครื่องหมายประจำตัวของ Land Rover มาตลอดระยะเวลา 71 ปี

ระบบส่งกำลังของ New Defender มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้าหรือแบบ 240 แรงม้า เครื่องยนต์ 4 สูบ เทคโนโลยีเทอร์โบคู่แบบต่อเนื่องที่ส่งแรงบิด 430 นิวตัน-เมตรที่ 1,400 รอบต่อนาที เพิ่มประสิทธิภาพ และประหยัดเชื้อเพลิง

เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 300 แรงม้า และเบนซิน 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 400 แรงม้า โดยเครื่องยนต์ทุกแบบขับเคลื่อนด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด ที่ตอบสนองว่องไว ระบบเกียร์แบบ Twin-speed เพื่อส่งกำลังในอัตราความเร็วต่ำขณะลากจูงหรือขับขี่บนเส้นทางขรุขระซึ่งต้องใช้การควบคุมมากกว่าปกติ

New Land Rover Defender สร้างนิยามใหม่ของขีดจำกัดความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะการขับขี่ทุกสภาพอากาศ และทุกภูมิประเทศ โดยให้ความสบายเมื่อขับขี่บนเส้นทางปกติในทุกการเดินทาง สามารถบรรทุกน้ำหนักสูงสุดถึง 900 กิโลกรัม โดยหลังคารถรองรับน้ำหนักสูงสุดขณะจอดนิ่งที่ 300 กิโลกรัม และ 168 กิโลกรัมขณะขับขี่ ความสามารถในการลุยน้ำที่ความลึกสูงสุด 900 มิลลิเมตร รองรับด้วยโปรแกรมตรวจสอบความลึกของน้ำในระบบ Terrain Response 2 ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถขับลุยน้ำด้วยความมั่นใจเต็มร้อย

ติดตั้งเทคโนโลยีล่าสุด Configurable Terrain Response เพื่อช่วยให้ผู้ที่มีความชำนาญในการขับบนเส้นทางแบบขรุขระสามารถปรับตั้งค่าให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ขณะเดียวกันผู้ขับขี่มือใหม่ก็สามารถให้ระบบค้นหาการตั้งค่าที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่มากที่สุดได้โดยใช้ฟังก์ชั่นอัตโนมัติแบบอัจฉริยะ

New Land Rover Defender มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “MAKE IT YOUR DEFENDER” ให้เลือกปรับแต่งรถเพื่อแสดงตัวตนในแบบของคุณ ตั้งแต่ดีไซน์ตัวถังแบบ 3 ประตู (รุ่น 90) ที่ห้องโดยสารแถวหน้า 3 ที่นั่ง ราคาเริ่มต้น 5,400,000 บาท หรือแบบ 5 ประตู (รุ่น 110) สามารถเลือกห้องโดยสารแบบ 5+2 ที่นั่ง ราคาเริ่มต้น 5,800,000 บาท โดยจะแบ่งเป็น 3 ระดับ X, S และ SE